ว่ากันด้วยเรื่อง work from home ของชาวออฟฟิศทั้งหลาย ตั้งแต่เข้าปี 2021 มากลายเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ค่ะ หลายคนปรับตัวได้และหลายคนก็ปรับตัวไม่ทัน เพราะนอกจากพฤติกรรมการทำงานที่เปลี่ยนไปแล้ว อีกหนึ่งพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือ “พฤติกรรมการกิน”
ทุกคนรู้มั้ยคะว่าข้อมูลจากกรมควบคุมโรคล่าสุดเมื่อ 12 พ.ย. 63 พบว่าคนไทยเสียชีวิตจากโรคเบาหวานสูงถึง 200 รายต่อวัน และ 1 ใน 11 คนที่อายุ 15 ปีขึ้นไปป่วยเป็นโรคเบาหวานประมาณ 5 ล้านคน อีกทั้งคนรุ่นใหม่ยังมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานสูงขึ้นอีกด้วยล่ะค่ะ เนื่องจากพฤติกรรมการกินและการดำเนินชีวิตในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนสามารถเข้าถึง Delivery ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว เผลอพริบตาเดียวของกินก็วางอยู่เต็มโต๊ะทำงานซะแล้ว.. วันนี้เรามาเจาะลึกกันถึงความเสี่ยงและแนวทางป้องกัน “โรคเบาหวาน” ว่ามีอะไรกันบ้าง ?
ใครบ้างที่กำลังเผชิญความเสี่ยงอยู่ ?
กลุ่มคน work from home
ความเสี่ยงของคนกลุ่มนี้ อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิดค่ะ เสี่ยงอ้วนลงพุงโดยไม่รู้ตัวหากกินชา กาแฟ ชาไข่มุก ขนมหวาน ฯลฯ อย่างไม่ระมัดระวัง เนื่องจากร่างกายมีภาวะไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะช่องท้อง มารู้ตัวอีกทีอาจมีความเสี่ยงแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาก็เป็นได้นะคะ
กลุ่มคนตั้งครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) สามารถเกิดขึ้นได้ทุกระยะของการตั้งครรภ์เลยล่ะค่ะ เกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอ ทำให้ส่งผลเสียต่อคุณแม่และลูกน้อยได้นั่นเองค่ะ
กลุ่มกรรมพันธ์ุจากคนในครอบครัว
สำหรับใครที่มีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคเบาหวาน ก็คงมีลุ้นว่าตัวเองจะมีความเสี่ยงเป็นหรือไม่ โดยอัตราความเสี่ยงอยู่ที่ 30% หากพ่อหรือแม่ (ใครคนใดคนหนึ่งเป็นเบาหวาน) แต่หากทั้งพ่อและแม่เป็นเบาหวานทั้งคู่ ลูกจะมีความเสี่ยงสูงขึ้น 2 เท่า หรือ 60% เลยล่ะค่ะ
กลุ่มคนน้ำหนักเกิน และอื่น ๆ
ปัจจุบันคนอ้วนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูง ซึ่งคนกลุ่มนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป อาหารฟาสต์ฟู้ดกลายเป็นอาหารจานหลักของใครหลายคนไปซะแล้ว ยิ่งการทำงานหน้าคอมนิ่ง ๆ ทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายลดลงแต่วิถีการกินยังคงเท่าเดิม ร่างกายจึงไม่สมดุลและกระตุ้นให้เกิดการดื้ออินซูลินมากขึ้น จึงเป็นที่มาของโรคเบาหวานในอนาคตนั่นเองค่ะ
ประกันเบาหวาน เซฟทุกค่ารักษาสุดขม
หากใครกำลังตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงด้านบน gettgo ขอแนะนำให้มีผู้ช่วยคอยดูแลปัญหาด้านสุขภาพดีกว่านะคะ เนื่องจากเบาหวานเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้เกิดโรคร้ายอื่น ๆ และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อย่างเช่น โรคความดันโลหิตสูง ไตเสื่อม ไตวาย ฯลฯ และค่ารักษาก็ไม่เบาเหมือนชื่อที่เริ่มตั้งแต่หลักพันและทะยานสูงถึงหลักหมื่นปลาย ๆ อาทิ ค่ายาที่เริ่มต้นตั้งแต่ 400-2,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งแพงไม่เบาเลยทีเดียว
ประกันโรคเบาหวานจึงเปรียบเสมือนเกราะคุ้มกันคอยดูแลค่ารักษาต่าง ๆ ที่จะตามมา ตัวอย่างแผนประกันที่มีขายอยู่ในตลาด ได้แก่ Cigna แผนโรคร้ายไม่กลัว และเมืองไทยประกันชีวิต แผนเบาหวาน เบทเทอร์แคร์ ตามที่เราได้เคยเขียนไว้แล้ว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
วันนี้รู้ทันทุกความเสี่ยงกันไปแล้ว ยิ่งตื่นตัวเร็วเท่าไหร่ ยิ่งลดความเสี่ยงได้เท่านั้น อย่าลืมป้องกันความเสี่ยงด้วยประกันเบาหวานกันด้วยนะคะ