ทุกเช้าหากไม่มีกาแฟตกถึงท้อง หลายคนอาจไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน คิดงานไม่ออก ไม่ตื่นตัวเอาซะเลย เพื่อน ๆ เป็นเหมือนกันมั้ยคะ? หรือบางวันทานมื้อเที่ยงเสร็จ ตกบ่ายก็อยากหาอะไรหวาน ๆ ดื่มสักแก้ว ขนมหวานสักชิ้น รู้สึกว่าร่างกายขาดน้ำตาลจังเลย ขอเติมความหวานด้วยชาไข่มุกสักแก้ว อุดหนุนชาเย็นป้าหน้าออฟฟิศสักหน่อยละกัน!
'เส้นทางของหวานกับโรคร้ายสุดขื่นขม'
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ‘เบาหวาน’ เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ได้หายง่าย ๆ เหมือนไข้หวัดนะคะ เป็นแล้วก็เป็นยาว ๆ ไป โอกาสหายขาดค่อนข้างยาก อย่างมากก็ต้องคอยควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้สูงเกินไป จนหลายครั้งความอร่อยปาก ก็พาลำบากร่างกายอยู่บ่อย ๆ
ต้องบอกก่อนเลยว่าคนไทยติดกินหวานมาก ๆ ค่ะ ของกินที่รายล้อมเรานี่แหละตัวดี เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานทั้งนั้นเลยค่ะ และถ้าหากได้ก้าวสู่วงการโรคเบาหวานแล้วล่ะก็.. ต้องเตรียมรับมือกับอาการแทรกซ้อนอีกมากมาย ที่ลุกลามไปยังโรคอื่น ๆ ได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต ฯลฯ ประโยคที่เราชอบพูดกันเล่น ๆ ว่า ‘น้ำร้านนี้หวานแบบตัดขา’ หารู้ไม่ว่าหากเกิดแผลลุกลามแล้ว ต้องตัดขา หรืออวัยวะต่าง ๆ จริง ๆ แบบที่เคยพูดเล่น ๆ เลยล่ะค่ะ
‘ราคาที่ต้องจ่าย อาจไม่ค่อยหอมหวานสักเท่าไหร่’
กินหวานไม่หยุด ค่าน้ำตาลก็ฉุดไม่อยู่เช่นกันค่ะ จะว่าไปค่ารักษาก็สุดแพง แพงตั้งแต่อุปกรณ์ตรวจวัด ราคาตั้งแต่ 900-4,000 บาท อีกทั้งค่ายาเริ่มต้นตั้งแต่ 400-2,000 บาท เจอราคานี้เข้าไป หายเองได้ก็ดีใช่มั้ยล่ะคะ?
ลองเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมการกินดูก่อนก็ได้ค่ะ เพราะหลัก ๆ แล้วสาเหตุก็มาจากการกินอาหารที่มีแป้งและไขมันสูง ของทอด ของมัน รวมไปถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่มีน้ำตาลเยอะ เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ ฯลฯ หากลดตรงนี้ได้ ก็ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
'เบาหวาน เบาใจได้แค่ไหน?'
ก่อนอื่น หลายคนอาจอยากรู้ว่าทำไมถึงเรียกว่า “เบาหวาน” ง่าย ๆ เลยค่ะ “เบา” แปลว่าปัสสาวะ ดังนั้น ชื่อโรคนี้จึงมาจากปัสสาวะที่มีรสหวานนั่นเอง แต่ขอบอกเลยค่ะชื่อเบาหวาน แต่โรคนี้ไม่เบาสมชื่อสักเท่าไหร่เลยค่ะทุกคน
บางครอบครัวทำประกันสุขภาพกันตั้งแต่อายุน้อย ๆ ตั้งแต่ไม่มีโรคภัยเลย จนปัจจุบันอายุเยอะขึ้น โรคภัยมาจ่อรอคิวเพียบ! ประกันบางเจ้าก็ยังต่อประกันสุขภาพให้ บางเจ้าก็ไม่ให้แล้ว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทางที่ดีรีบทำไว้ก่อนดีกว่านะคะ อย่ารอให้มีโรคเพิ่ม ไม่งั้นอาจไม่มีบริษัทไหนรับทำแล้วก็ได้ค่ะ
วันนี้ gettgo รวบรวม 2 แผนประกันที่พร้อมดูแลผู้ป่วยเบาหวานมาให้ได้เลือกกันค่ะ กันไว้ดีกว่าแก้ ถึงจะเป็นโรคร้าย ก็ยังพอเบาใจได้อยู่นะคะ กับเบี้ยประกันสองหมื่นต้น ๆ ถึงสองหมื่นกลาง ๆ ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดหลักล้าน ในวัย 35-40 ปี มีแผนอะไรบ้าง? มาดูกันเลยค่ะ
1. Cigna โรคร้ายไม่กลัว (Plan L + 4 โรค)
💰 เบี้ยประกันต่อปี 22,956 บาท
⚫ คุ้มครองสูงสุด 2,500,000 บาท
สำหรับแผนแรก เปรียบเทียบจากเพศหญิง อายุ 40 ปี จ่ายเบี้ยประกันเบา ๆ ต่อปี อยู่ที่สองหมื่นต้น ๆ แต่ตัวเลขความคุ้มครองสูงสุดทะยานขึ้นสูงมาก ๆ คุ้มครองคุ้มทุนสุด ๆ ไปเลยค่ะ
2. เมืองไทยประกันชีวิต เบาหวาน เบทเทอร์แคร์ - Plan 2
💰 เบี้ยประกันต่อปี 26,866 บาท*
⚫ คุ้มครองสูงสุด 1,500,000 บาท
แผนที่สอง เปรียบเทียบจากเพศหญิง อายุ 35 ปี (ค่า HbA1c: 7.1% - 7.5%) จ่ายเบี้ยสูงขึ้นมาหน่อย แต่แผนนี้มีความพิเศษอยู่ไม่เบาค่ะ โดยค่าเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับค่าน้ำตาลในเลือดนั่นเองค่ะ พูดง่าย ๆ คือ อยากจ่ายเบี้ยน้อย ก็ต้องดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น หากค่าน้ำตาลลดลง เบี้ยประกันก็จะลดลงไปด้วยนั่นเองค่ะ
* เนื่องจากแผนนี้ต้องจ่ายเป็นราย 6 เดือน gettgo จึงคำนวณเบี้ยประกันรายปีเพิ่มให้ค่ะ*
*เบี้ยข้างต้นคำนวณจากราคาแพ็กเกจที่ลดราคาแล้ว จากราคาปกติ 22,550 บาท ต่อ 6 เดือน ลดเหลือ 13,433 บาท ต่อ 6 เดือน (คูณ 2 = 26,866 ต่อปี)
ย้อนกลับมาดูเมนูที่ทานไปวันนี้ เพื่อน ๆ ทานอะไรกันไปแล้วบ้างคะ? หลายคนอาจรู้สึกว่ายังไม่ถึงวัยที่เสี่ยงต่อโรคนี้ จึงยังไม่มองหาประกันโรคเบาหวานไว้ อย่างที่บอกค่ะว่าเริ่มมองหาประกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อสิทธิประโยชน์ที่จะคุ้มครองเราในอนาคต อย่าปล่อยให้ความกังวลมารบกวนวันข้างหน้าดีกว่าค่ะ