ช่วงโควิดระบาด 2 ปีกว่ามานี้ บอกเลยว่าข่าวธนาคารเซ่นพิษโควิดครั้งใหญ่ไปตาม ๆ กัน ปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือเพียง 1 ล้านบาท อาจฟังดูเยอะ แต่จริง ๆ คือไม่เลย เพราะจากเดิมคุ้มครองตั้ง 5 ล้าน ทำเอาหลายคนช็อกไปตาม ๆ กัน อธิบายง่าย ๆ ให้เห็นภาพเลยนะ คือถ้าเรามีเงินฝาก 10 ล้านวันนี้ เกิดวันนึงประเทศเจ๊ง แบงก์เจ๊ง เราจะได้เงินแค่ 1 ล้าน เพราะเค้าจะคุ้มครองเราเท่านี้ ถึงเวลาที่ประกันสะสมทรัพย์ต้องเข้าแล้ว
เงินถุงเงินถังก็ปลอดภัยได้ด้วยประกันสะสมทรัพย์
กลายเป็นว่าการฝากเงินเยอะ ๆ ในธนาคาร อาจไม่ใช่ช้อยส์ที่ดีที่สุดอีกต่อไป เราเห็นคนแชร์ภาพนะ อาม่าบางคนถึงขั้นไปถอนเงินเป็นตั้ง ๆ มาเก็บไว้ที่บ้านแทนกันเลยทีเดียว แต่ชีวิตเลือกได้ สำหรับหนทางเลือกของการไม่ “ฝากเงิน” ในธนาคาร เท่า ๆ ที่ เราเคยเห็น ก็มีตามนี้
• เก็บที่บ้าน / ฝังดิน / ตู้เซฟ
ไม่ได้กวน แต่มีคนทำจริง ๆ ทางเลือกนี้ปลอดภัยมั้ย ก็พูดยาก เพราะยุคบ้านเมืองเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก ขโมยขโจรเริ่มมีให้เห็น แต่ถ้าเป็นหนทางในการเก็บไว้ช่วงแรกก่อนไปช่องทางอื่น ก็โอเค ชั่วคราวได้ ส่วนเรื่องผลตอบแทน ลืมไปได้เลย อันนี้ 0% เพราะเงินฝังดิน มันงอกเอกไม่ได้
• สลากออมทรัพย์ ก็มีอยู่ 3 เจ้า 3 สีหลัก ๆ สลากออมสิน สลากธกส. สลากธอส.
ทางเลือกที่สอง ออมได้ด้วย เหมือนได้เล่นล็อตเตอรี่แบบถูกกฎหมายเสี่ยงดวงได้ด้วย แม้ความน่าจะเป็นในการถูกรางวัลใหญ่จะน้อยมากกก อยู่ที่ 0.0000000xx % กันเลยทีเดียว แต่ในระหว่างทาง เขาก็มีผลตอบแทนให้เรื่อย ๆ ทุก ๆ ปีที่เราเก็บเงินไว้ในรูปของสลาก ซึ่งวิธีซื้อก็คือซื้อเป็นหน่วย คล้าย ๆ กองทุน ราคาหน่วยก็แล้วแต่ปี แล้วแต่ชุดนั้น ๆ มีตั้งแต่หน่วยละ 20 บาท ไปจนถึง 5,000 ก็มี ทิ้งไว้ 1-2 ปีตามนโยบายของการออกสลากแต่ละชุดจ้า ส่วนผลตอบแทนต่อปี ก็ราวๆ 1% ไม่มากเท่าไหร่ แต่ความปลอดภัย ก็มาเต็มแน่นอน เพราะเป็นธนาคารของรัฐทั้งสิ้น
• ออมทอง
เคยมีผู้ใหญ่สอนเราว่า ซื้อทองเก็บไว้เหอะ วันนึงถ้าเงินไม่มีค่า ก็มีทองไว้กอดให้อุ่นใจ.... คือ อันนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลอ่ะนะ แต่การที่ประเทศจะถึงจุดที่เงินมีมูลค่าไม่ต่างจากกระดาษเปล่า แบบบางประเทศที่ชื่อ เว..... ขอไม่เอ่ยชื่อละกันเนาะ คือโอกาสเกิดมันยากมาก ดังนั้น จะเก็บทอง ไม่ต้องถึงขั้นเพื่อจุดประสงค์นั้นก็ได้
แต่ที่ผู้ใหญ่คนนั้นพูดถูกคือ “ทองมีมูลค่าในตัวเอง” ประเทศต่าง ๆ จึงต้องมีทองคำหนุนหลังฝากไว้แสดงความมั่นคงทางเศรษฐกิจนั่นเอง สำหรับการออมทองนั้น ถ้าชอบจริง ๆ ก็เลือกเป็นทองแท่ง เพราะไม่ต้องเสียค่ากำเหน็จในการทำเหมือนทองรูปประพรรณ แถมสมัยนี้ ออมกันเป็นทองกระดาษยังมี คือ ไม่ต้องถือเป็นทองเป็น ๆ ให้สุ่มเสี่ยงโดนขโมยอีกด้วย ส่วนเรื่องผลตอบแทน ก็ผันพวนตามภาวะเศรษฐกิจกันไปเลย บอกยากมาก ใครซวยก็ติดดอยกันไป
• กองทุนรวม / กองทุนผสม / กองทุนหุ้น
สำหรับคนที่ชื่นชอบความเสี่ยงขึ้นมาหน่อย อยากได้ผลตอบแทนสูงมากขึ้น และรับความเสี่ยงได้ ก็จะเลือกเป็นวิธีเหล่านี้ เรียงตามความเสี่ยงไปเลย เริ่มจากกองทุนรวม กองทุนผสม กองทุนหุ้น ส่วนผลตอบแทนก็มีตั้งแต่ปีละ 3-8% อันนี้ range กว้างมาก เพราะแล้วแต่กองทุนจริง ๆ ว่าเขาเอาไปลงทุนกับธุรกิจอะไร และช่วงนั้นธุรกิจนั้นไปได้ด้วยดีมั้ยในตลาด แต่สำหรับคนที่อยากเริ่มลงทุน แต่ยังไม่กล้าเล่นหุ้น ก็เริ่มจากอันนี้ก็ดีนะ เพราะมันคือการให้คนอื่นที่มีประสบการณ์ อย่างผู้จัดการกองทุนดูแลเงินลงทุนแทนเรา เลือกตัวลงทุน ปรับลดพอร์ตลงทุนแทนเรา แต่ถ้าใครเก่งแล้ว ดูทิศทางตลาดเป็น ก็เริ่มเล่นหุ้นได้เลย
• ประกันสะสมทรัพย์
สำหรับเรานะ ในยุคที่เงินฝากไม่เวิร์ค แต่เราก็ต้องออมเงิน และยิ่งในสังคมที่มีความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยงผ่านประกันสะสมทรัพย์คือดีนะ เราถือว่าเป็นม้ามืดที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะปลอดภัย เสี่ยงต่ำ ออมสั้นหรือออมยาว ก็เลือกได้ ผลตอบแทนชัดเจน ไม่ต้องลุ้น ลดหย่อนภาษีได้ตามเกณฑ์ในแต่ละปี และที่สำคัญคือ “คุ้มครองชีวิต” ให้ด้วย คือชอบตรงนี้ อย่างน้อยเกิดอะไรขึ้นก่อนอยู่ครบสัญญา ก่อนส่งเงินครบ ก็ได้เงินไปเลย คนข้างหลังก็จะได้ไม่ลำบาก
สุดท้าย เอาเป็นว่า ใครใคร่เลือกทางไหนเลือก หรือใครอยากผสม Mix and Match ยิ่งดีใหญ่ มันคือการกระจายความเสี่ยง เหมือนสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า “Don't put eggs in one basket” ซึ่งแปลง่าย ๆ คือ อย่าใส่กำลัง แรง เงิน หรือความพยายาม ลงไปในอะไรอย่างเดียวจนหมดสิ้น เพราะวันนึงถ้ามันไม่เวิร์ค มันพัง คุณจะเสียทั้งหมดเหมือนกัน”