เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนควรทำคือสร้างหลักประกันที่มั่นคงไว้เป็นเสมือนเบาะคอยรองรับในวันที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน โดยวิธีที่ดีและง่ายที่สุดคือการวางแผนประกันชีวิตและประกันสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าประกันทุกกรมธรรม์จะตอบโจทย์ แต่เราต้องเลือกประกันที่คุ้มครองครอบคลุมและคุ้มค่า และต้องมั่นใจว่าจะมีกำลังในการชำระค่าเบี้ยประกันได้ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เรามีสเตปในการวางแผนประกันสุขภาพและประกันชีวิตมาฝาก รับรองว่าไม่ยากอย่างที่คิด ติดตามได้เลย
Step ที่ 1 : ประเมินความเสี่ยงที่ต้องการความคุ้มครอง
ขั้นตอนแรกในการวางแผนประกันคือ การประเมินความเสี่ยงที่ต้องการได้รับความคุ้มครอง โดยความเสี่ยงหลัก ๆ ได้แก่ ความเสี่ยงจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อครอบครัวในแง่ของรายได้และภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เราจึงควรทำประกันชีวิตเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินให้แก่ครอบครัว ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุที่ต้องรักษาพยาบาลเป็นระยะเวลานาน ก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันค่อนข้างสูง ดังนั้น การวางแผนประกันสุขภาพให้คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
Step ที่ 2 : เช็กสถานะทางการเงินของตนเอง
หลังจากประเมินความเสี่ยงที่ต้องการคุ้มครองแล้ว การวางแผนประกันขั้นต่อมาก็ต้องพิจารณาถึงสถานะทางการเงินของตัวเราเอง โดยต้องคำนวณรายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือน รวมถึงเงินออมฉุกเฉิน ภาระหนี้สินต่าง ๆ เพื่อดูว่าเรามีความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันมากน้อยเพียงใด การทราบสถานะทางการเงินที่ชัดเจนจะช่วยให้เราเลือกเบี้ยประกันได้อย่างเหมาะสม ไม่กระทบต่อรายจ่ายในแต่ละเดือน
Step ที่ 3 : เลือกทุนประกันที่เหมาะสมกับมูลค่าความเสี่ยง
เมื่อเราทราบความเสี่ยงที่ต้องเผชิญและสถานะทางการเงินของตนเองแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกทุนประกันที่เหมาะสมกับมูลค่าความเสี่ยงนั้น ทั่วไปแล้ว นักวางแผนการเงินจะแนะนำให้เลือกทุนประกันไว้ที่ 3-5 เท่าของรายได้ต่อปีที่ต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งถือเป็นจำนวนขั้นต่ำที่ครอบครัวจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างไม่ลำบากเมื่อขาดรายได้ส่วนนั้นไป แต่ทั้งนี้จำนวนทุนประกันที่เหมาะสมก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานะทางการเงินของแต่ละบุคคลด้วย
Step ที่ 4 : เลือกเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสม
การเลือกจำนวนเบี้ยประกันภัยก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการวางแผนประกันที่ถูกมองข้ามบ่อยครั้ง หลายคนมักจะเลือกเบี้ยประกันต่ำเกินไปจนได้รับความคุ้มครองที่ไม่เพียงพอ หรือสูงเกินไปจนกระทบต่อรายจ่ายประจำ ดังนั้น จึงควรกำหนดจำนวนเบี้ยประกันภัยให้อยู่ที่ไม่เกิน 10% ของรายได้ทั้งหมดต่อปี เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีความสามารถในการจ่ายได้อย่างสม่ำเสมอและไม่เป็นภาระทางการเงินในระยะยาว
Step ที่ 5 : ขยายความคุ้มครองเมื่อมีความพร้อม
ในช่วงแรกของการวางแผนประกัน เราอาจเลือกทุนประกันและเบี้ยประกันที่ไม่สูงมากนัก เพื่อให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงิน แต่เมื่อเวลาผ่านไป มีรายได้และเงินออมเพิ่มมากขึ้น เราก็สามารถพิจารณาขยายความคุ้มครองให้มากขึ้นตามไปด้วย การทำเช่นนี้จะทำให้เรามีหลักประกันความมั่นคงทางการเงินที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ สอดคล้องกับการเติบโตในชีวิต
เลือกซื้อประกันได้อย่างอุ่นใจที่ gettgo
นอกจากการได้รู้ว่าควรวางแผนและเลือกประกันสุขภาพแบบไหนดีที่เหมาะกับตัวเองแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ การซื้อประกันกับบริษัทที่น่าเชื่อถือ โดยขอแนะนำ gettgo แพลตฟอร์มเปรียบเทียบและซื้อประกันออนไลน์ ซื้อง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ สมัครง่าย 5 นาทีเสร็จ เป็นประกันคุ้มครองโรคร้าย ที่ช่วยคุ้มครองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จนถึงระยะรุนแรง หรือโรคร้ายแรงยอดฮิต และคุณเองก็สามารถเลือกแผนประกัน ปรับแต่งความคุ้มครองได้ตามความพอใจ สามารถเช็กเบี้ยประกันหรือซื้อออนไลน์ง่าย ๆ ได้ด้วยตัวเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-111-7800 หรือ LINE OA : @gettgo
ข้อมูลอ้างอิง
- 4 Common Policy Types Plus Key Insurance Planning Tips For Families. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 จาก https://www.forbes.com/sites/truetamplin/2024/05/15/4-common-policy-types-plus-key-insurance-planning-tips-for-families/?sh=773800a27083
- How to Choose Life Insurance. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 จาก https://www.investopedia.com/how-to-choose-life-insurance-7483886