เคยมั้ยคะ ? มองหาประกันมะเร็งสักแผน แต่เงื่อนไขยิบย่อยจนไม่อยากเปิดอ่าน อ่านไปก็ไม่เข้าใจ แต่พอถึงเวลาตรวจเจอขึ้นมาถึงกับเหงื่อแตก สรุปแล้วโรคมะเร็งที่เราตรวจเจอประกันจะรับเคลมมั้ยนะ ?
เนื่องจาก “ประกันมะเร็ง” ที่รู้กันดีว่าคุ้มครองเฉพาะโรคมะเร็ง ดูไม่น่าซับซ้อนด้านจำนวนโรคเท่าประกันอื่น ๆ แต่หารู้ไม่ว่าในทุก ๆ แผนประกันต่างก็มีเงื่อนไขเกี่ยวกับตัวโรคซ่อนอยู่
วันนี้ #getttrick เลยจะพามาไขข้อข้องใจก่อนทำประกันมะเร็งกันว่า มีมะเร็งชนิดไหนบ้างที่อยู่ในเงื่อนไขประกันไม่คุ้มครอง
มะเร็ง 3 ชนิด ที่ประกันส่วนมากไม่เปิดไฟเขียวให้
มะเร็งที่พบภายในระยะเวลารอคอย 60-90 วัน
▪ ประกันแต่ละแผน ล้วนมีระยะรอคอยที่ต่างกันออกไป สำหรับประกันมะเร็งแล้ว บางเจ้าก็รอคอยแค่ 60 วัน แต่ส่วนมากระยะรอคอยจะอยู่ที่ 90 วันค่ะ
▪ ยกตัวอย่าง เช่น หากภายในระยะรอคอย 90 วันนี้ เกิดมีอาการผิดปกติกับร่างกาย เมื่อไปตรวจดันเจอโรคมะเร็งเต้านมขึ้นมา แปลว่า ประกันจะไม่จ่ายเงินคุ้มครองทุกกรณีนะคะ เพราะถือว่าโรคมะเร็งเต้านมครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนทำประกัน จึงเป็นที่มาของเหตุผลที่ว่า ทำไมเราควรทำประกันตั้งแต่สุขภาพยังแข็งแรงดีอยู่
▪ จึงสรุปได้ว่า หากอยากให้ประกันมะเร็งไฟเขียวจ่ายค่ารักษาให้ ก็ควรทำประกันตั้งแต่เนิ่น ๆ นอกจากเบี้ยจะถูกเพราะความเสี่ยงน้อยแล้ว ก็ไม่ต้องพะวงเรื่องระยะรอคอยอีกด้วยค่ะ
มะเร็งในผู้ป่วย HIV
▪ ปัจจุบันแม้ว่าจะมีการรักษาผู้ป่วย HIV ด้วยยาต้านไวรัสมากขึ้น แต่ความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในผู้ป่วยเหล่านี้ยังคงสูงกว่าประชากรทั่วไปอยู่
▪ จึงทำให้ผู้ป่วย HIV เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากร่างกายติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่ม oncogenic viruses หรือเชื้ออื่น ๆ ที่สามารถก่อตัวเป็นโรคมะเร็งในอนาคตได้ กลุ่มความเสี่ยงสูงแบบนี้ ประกันจึงไม่ไฟเขียวให้ผ่านนั่นเองค่ะ
มะเร็งผิวหนังทุกชนิด ยกเว้นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา*
▪ มาถึง “มะเร็งผิวหนัง” โรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่ชวนสงสัย ว่าแตกต่างกับมะเร็งอื่น ๆ ยังไง ทำไมประกันส่วนมากจึงเลือกไม่คุ้มครองในโรคนี้
▪ เหตุผลที่มะเร็งผิวหนัง ไม่เปิดไฟเขียวด้านความคุ้มครองนั้น มาจากกรมธรรม์ที่ระบุไว้ชัดเจนว่ายกเว้น “โรคมะเร็งผิวหนังทุกชนิด” นั่นเองค่ะ รวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่คนเราสามารถทำให้เกิดปัจจัยความเสี่ยงเองได้ เช่น การฉีดสีผิว การอาบแดดนาน ๆ เป็นประจำ นั่นเองค่ะ
แล้วทำไม บางแผนมีคุ้มครองโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาเทียบเท่ามะเร็งอื่น ๆ แต่มะเร็งผิวหนังปกติไม่คุ้มครองเลยเหมือนที่กล่าวข้างต้น หรือไม่ก็คุ้มครองน้อยกว่า ?
สาเหตุเป็นดังนี้ค่ะ
▪ สาเหตุที่มะเร็งผิวหนังทั่วไป ที่ไม่ใช่ “เมลาโนมา” ถ้าหากได้รับความคุ้มครองก็มักจะได้รับความคุ้มครองประมาณ 10-20% ของทุนประกัน เป็นเพราะมะเร็งผิวหนังทั่วไปไม่ร้ายแรง สามารถรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องพึ่งคีโมนั่นเองค่ะ ทำให้ความคุ้มครองลดหลั่นลงมา
▪ ในขณะที่มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา จะได้รับความคุ้มครอง 100% เท่ามะเร็งชนิดอื่น ๆ เนื่องจากมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเดียวที่เป็นระยะรุนแรงในขั้นที่ 2 ขึ้นไป อีกทั้งเชื้อก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งอันตรายและต้องให้คีโมเหมือนมะเร็งชนิดอื่น ๆ นั่นเองค่ะ (อ้างอิงตามระบบการแบ่งระยะความรุนแรงของโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาโดย American Joint Committee on Cancer)
ไขทุกปัญหาคาใจภายใต้เครื่องหมายดอกจันกันไปแล้ว อย่าลืมรักษาสิทธิ์ตัวเอง หมั่นตรวจเช็คเงื่อนไขในแต่ละแผนที่สนใจให้เข้าใจมากที่สุด เพื่อลดปัญหาการเคลมที่จะตามมาในอนาคตนั่นเองค่ะ อย่าลืมเลือกแผนประกันมะเร็งที่เหมาะกับตัวเรากันด้วยนะคะ