คนส่วนมากมักจะมีสวัสดิการสุขภาพพื้นฐานอย่างประกันสังคม หรือประกันกลุ่มบริษัทกันอยู่บ้างแล้ว เมื่ออายุเข้าเลข 3 หรือเลข 4 ก็จะเริ่มมองหาประกันยอดฮิตอย่าง “ประกันมะเร็ง” หรือ ”ประกันโรคร้ายแรง” เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มโรคร้ายแรงพวกนี้มักมาเยือนในช่วงวัยทำงาน สร้างเนื้อสร้างตัว ที่นอกจากอันตรายแล้วค่าใช้จ่ายยังสูงปรี๊ดอีกด้วยค่ะ
“ประกันมะเร็ง” และ “ประกันโรคร้ายแรง” เลือกแบบไหนดี ?
ประกันมะเร็ง
ไม่ว่าใครก็รู้กันดีว่า สาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย คือ “โรคมะเร็ง” ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 16 ของต้นเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด เฉลี่ยแล้วมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงถึง 8 รายต่อชั่วโมงเลยล่ะค่ะ อีกทั้งค่ารักษาก็สูงถึงหลักล้าน จนไม่อยากจะคิดว่าถ้าเอาเงินเก็บทั้งหมดมาใช้ ต้องเก็บอีกนานแค่ไหนกว่าจะคืนทุน ดังนั้น การลดความเสี่ยงด้านการเงินที่ดีที่สุด คือการทำประกันมะเร็งสำรองไว้นั่นเองค่ะ
ขึ้นชื่อว่า “ประกันมะเร็ง” ก็คุ้มครองเฉพาะโรคมะเร็ง หมายความว่า หากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งทุกชนิด (ยกเว้นมะเร็งผิวหนัง) ประกันมะเร็งก็จะทำหน้าที่ให้ความคุ้มครองตามแต่ละแบบแผนประกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบเจอจ่ายเงินก้อน และ แบบจ่ายค่ารักษาค่ะ (สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองทั้ง 2 แบบ ได้ที่นี่) และที่สำคัญคือค่าเบี้ยแสนถูกเพียงหลักร้อยขึ้นไป ปันเงินค่าบุฟเฟต์ 1 มื้อก็ได้แผนประกันมะเร็งมาครอบครองแล้วนะคะ
โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็ง 1 ใน 3 ของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากมะเร็ง มาจากพฤติกรรมด้านสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา และพันธุกรรมนั่นเองค่ะ หากใครที่มีพฤติกรรมความเสี่ยงสูงข้างต้น ก็เป็นเหตุผลที่ดีว่าทำไมจึงจำเป็นต้องมีแผนประกันมะเร็งติดตัวไว้
ประกันโรคร้ายแรง
คำว่า “ของต้องมี” กลายเป็นคำจำกัดความของไอเท็มชิ้นสำคัญในชีวิตไปซะแล้ว ส่วนในด้านสุขภาพนั้นการมีประกันสุขภาพอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ทำให้ “ประกันโรคร้ายแรง” กลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็ม “ของต้องมี” ที่จำเป็นต้องมีติดตัวไว้เช่นกันค่ะ
นอกจากเจ็บป่วยทั่วไปแล้ว “โรคร้ายแรง” ก็เป็นอีกปัญหาใหญ่ที่น่ากังวล เพราะต่อให้ดูแลสุขภาพดีแค่ไหนก็ยังมีโอกาสเป็นได้เสมอ และค่ารักษาทะลุหลักแสนหลักล้านแน่นอนค่ะ ตัวอย่างโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง โรคเบาหวาน เป็นต้น (โรคแล้วแต่แผนประกันกำหนด) ซึ่งจะแตกต่างกับ “ประกันมะเร็ง” ตรงที่คุ้มครองโรคได้ครอบคลุมมากกว่า และค่าเบี้ยก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ
สถิติการเสียชีวิตด้วยกลุ่มโรคร้ายแรงของคนไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDB) พบว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2537-2560 มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจาก 7.2 คน เป็น 22 คน โรคปอดเพิ่มขึ้นจาก 13.8 คน เป็น 45.3 คน (ต่อประชากร 100,000 คน) เป็นต้น
gettgo ขอสรุปว่าทั้ง 2 แผนประกันนี้ดีทั้งคู่ค่ะ อีกทั้งค่าเบี้ยก็ไม่แพงอย่างที่คิด ขึ้นอยู่กับว่าอยากได้ความคุ้มครองเน้นที่ด้านไหนเป็นพิเศษ หากต้องการเน้นโรคมะเร็งโดยเฉพาะ เนื่องจากมีความน่าจะเป็นสูง ก็หันไปเลือก “ประกันมะเร็ง” หรือหากอยากให้ครอบคลุมโรคมากขึ้น เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าจะเป็นโรคอะไร ก็เหมาโรคไปเลยกับ “ประกันโรคร้ายแรง”
อย่าลืมเลือกประกันมะเร็ง หรือประกันโรคร้ายแรง ที่เหมาะสมกับความต้องการกันด้วยนะคะ
อ่านบทความเพิ่มเติม
- เปรียบเทียบประกันมะเร็ง เบี้ย 1,000 : gettgo.com/blog/health-cancer-1000
- เปรียบเทียบประกันมะเร็ง เบี้ย 5,000 : gettgo.com/blog/health-cancer
- เปรียบเทียบประกันมะเร็ง เจอ จ่าย 5 แสน : gettgo.com/blog/health-gettbattle-5
- เปรียบเทียบประกันมะเร็ง เจอ จ่าย 1 ล้าน : gettgo.com/blog/health-cancer-1m