ใบขับขี่ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นในการขับรถ เพราะเป็นตัวรับประกันได้ว่าเราขับรถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และขับรถได้จริง ๆ ดังนั้นหากจะขับรถทุกครั้ง ต้องพกใบขับขี่ติดตัวเอาไว้เสมอ หรือถ้าใบขับขี่หมดอายุ ก็ต้องไปต่ออายุให้เรียบร้อย หากฝ่าฝืนก็เตรียมตัวรับโทษทางกฎหมายได้เลย อาจโดนโทษปรับ 1,000-2,000 บาท หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับเลยทีเดียว คงไม่คุ้มหากต้องมามีประวัติเพราะแค่ไม่มีใบขับขี่เพียงใบเดียว
นอกจากเรื่องกฎหมายแล้ว เรื่องประกันรถยนต์ หรือแม้แต่พ.ร.บ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีไม่มีใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุเช่นกันนะ หลายคนก็คงสงสัยกันว่า หากเราขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุ ประกันจ่ายไหม ? เรื่องนี้ข้อสรุปจะเป็นอย่างไร คงต้องแยกไปตามกรณี
ใบขับขี่หมดอายุ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ประกันจ่ายไหม ?
ประกันรถยนต์นับเป็นตัวช่วยสำคัญเวลาเกิดอุบัติเหตุ ความคุ้มครองจะลดหลั่นกันไปตามประเภทของกรมธรรม์ โดยเฉพาะใครที่ทำประกันชั้น 1 จะยิ่งได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด เพราะได้ทั้งซ่อมเขา ซ่อมเรา ได้ทั้งมีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี ส่วนประกันประเภทอื่น ๆ ตั้งแต่ 2+ 2 3+ หรือ 3 ก็จะได้รับความคุ้มครองที่น้อยลงตามลำดับ แต่ไม่ว่าแบบไหนก็ช่วยแบ่งเบาภาระเราได้หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น
แล้วถ้าไม่มีใบขับขี่ล่ะ ประกันจะยังคุ้มครองเราอยู่หรือไม่ ก็คงต้องมาดูตามกรณีว่าเราถูกหรือผิด และที่บอกว่าไม่มีใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุน่ะ จะได้รับความคุ้มครองแบบไหน
1. คนขับไม่มีใบขับขี่ แต่เป็นฝ่ายถูก คุ้มครองหรือไม่
กรณีนี้ หากทำประกันประเภท 1 2+ หรือ 3+ เอาไว้ แม้ไม่มีใบขับขี่ เราจะยังได้รับการชดเชยค่าเสียหายจากบริษัทประกันเพื่อซ่อมรถเราเอง และยังเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดได้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความผิดโทษฐานที่ไม่พกใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุขณะขับรถตามกฎหมายก็ยังคงมีอยู่นะ
2. คนขับไม่มีใบขับขี่ และเป็นฝ่ายผิด คุ้มครองหรือไม่
คำว่าไม่มีใบขับขี่นี่ก็มีที่มาจากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุก็จะส่งผลถึงความคุ้มครองของประกันแตกต่างกันไป
- มีใบขับขี่ แต่ไม่ได้พก : บริษัทประกันจะจ่ายให้ทั้งรถเรา รถเขา
- ไม่มีใบขับขี่เลย ไม่ได้ทำไว้ แต่มาขับรถ : บริษัทประกันจะจ่ายให้เฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ส่วนรถเราบริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบทุกกรณี
- มีใบขับขี่แต่หมดอายุ : ยังได้รับความคุ้มครองตามปกติ
- ถูกยึดใบขับขี่ : กรณีนี้เราจะยังได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันอยู่ เพียงแต่ว่าเราต้องมีหลักฐานเป็นการคัดลอกสำนวนว่าถูกยึดใบขับขี่จริง ๆ
แนะนำอ่าน : ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ซ่อมอู่ หรือ ซ่อมห้าง ควรเลือกแบบไหนดี ?
ไม่มีใบขับขี่ สามารถเบิก พ.ร.บ. ได้ไหม ?
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องมาคู่กับการมีรถก็คือพ.ร.บ. ซึ่งย่อมาจาก “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” นับเป็นประกันรถยนต์ภาคบังคับที่ผู้มีรถทุกคนจะต้องทำเอาไว้ นั่นหมายความว่า หากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เราสามารถเรียกร้องความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. ได้ ขณะที่ประกันตามบริษัทต่าง ๆ จัดเป็นประกันแบบภาคสมัครใจ สำหรับ พ.ร.บ.หากไม่ทำก็จะถือว่าผิดกฎหมาย เจ้าของรถที่ไม่ทำพ.ร.บ. จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และปรับการใช้รถที่ไม่มีพ.ร.บอีก 10,000 บาท นั่นหมายความว่าหากเราเป็นทั้งเจ้าของรถและขับรถคันที่ไม่มีพ.ร.บ.ก็จะถูกปรับรวมกันไม่เกิน 20,000 บาท
แล้วถ้าหากเราขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุล่ะ จะมีผลอย่างไรกับพ.ร.บ.บ้าง คำตอบคือ “ไม่มี” เรายังคงได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.เหมือนเดิม ด้วยความที่เป็นประกันภาคบังคับนั่นแหละ โดยผลประโยชน์ที่เราจะได้รับจากพ.ร.บ. นั้น ได้แก่
1. ค่าเสียหายเบื้องต้น ได้รับโดยยังไม่ต้องพิสูจน์ว่าเราผิดหรือเขาผิด แต่ต้องแจ้งภายใน 180 วันหลังเกิดอุบัติเหตุ
- ค่ารักษาพยาบาล (ตามจริง) สูงสุดคนละ 30,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือสูญเสียอวัยวะ ได้รับเงินชดเชยคนละ 35,000 บาท
2. ค่าสินไหมทดแทน เมื่อพิสูจน์แล้วว่าเราเป็นฝ่ายถูก เราสามารถเรียกเงินในส่วนนี้ได้อีก
- ค่ารักษาพยาบาล (ตามจริง)สูงสุดคนละ 80,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ได้รับเงินชดเชยคนละ 500,000 บาท
- กรณีสูญเสียนิ้ว ตั้งแต่ข้อนิ้วขึ้นไป ได้รับเงินชดเชยคนละ 200,000 บาท
- กรณีสูญเสียอวัยวะ 1 ส่วน ได้รับเงินชดเชยคนละ 250,000 บาท
- กรณีสูญเสียอวัยวะ 2 ส่วนขึ้นไป ได้รับเงินชดเชยคนละ 500,000 บาท
- กรณีนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน จะได้รับเงินชดเชยวันละ 200 บาท แต่จะต้องไม่เกิน 20 วัน
จะเห็นได้ว่าพ.ร.บ.นั้นมีความสำคัญมาก ที่เป็นประกันภาคบังคับก็เพราะว่าเราจะเรียกร้องค่าเสียหายได้เลย แม้ว่าจะมีหรือไม่มีใบขับขี่ก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใบขับขี่ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะมีผลทางกฎหมายด้วย ต่อให้เราได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ. แต่หากไม่มีใบขับขี่ ยังไงก็ต้องถูกปรับอยู่ดี
กรณีไหนบ้างที่ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองแม้จะมีใบขับขี่ก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ใบขับขี่รถยนต์ ประกันรถยนต์ และพ.ร.บ.จะเป็นสิ่งที่ต้องมีติดรถเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุอย่างเต็มที่ แต่ก็จะมีบางกรณีที่บริษัทประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองแม้เราจะมีใบขับขี่อยู่ก็ตาม
1. ใช้รถอย่างผิดกฎหมาย
แน่นอนเลยว่าหากเรานำรถไปใช้อย่างผิดกฎหมาย ต่อให้มีใบขับขี่ บริษัทประกันก็คงไม่ยอมจ่ายให้เป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็น
- กรณีเมาแล้วขับ เพราะกฎหมายก็บอกไว้อยู่แล้วว่าห้ามดื่มสุราขณะขับรถ การขับรถขณะครองสติไม่อยู่ นับเป็นการเสี่ยงก่อให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้อื่น อย่าดื่มแล้วขับกันเชียว เพราะเกิดอะไรขึ้นมาคงไม่คุ้ม
- ขนของผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะยาเสพติด หรืออะไรก็ตามที่ผิดกฎหมายแล้วมาอยู่ในรถเรา บริษัทจะไม่คุ้มครองรถที่ขนสิ่งของผิดกฎหมายทุกกรณี
- การดัดแปลงสภาพรถเพื่อแข่งขันความเร็ว เพราะบริษัทประกันมองว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุโดยใช่เหตุ
2. กรณีบรรทุกของน้ำหนักเกิน
หากเรานำรถไปบรรทุกของจนเกิน แล้วรถเกิดเสียหาย กรณีนี้บริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครอง แต่หากบรรทุกน้ำหนักเกินแล้วเกิดอุบัติเหตุ ก็อาจจะยังได้รับความคุ้มครองซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทอีกที
3. ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุ
การตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุ แสดงถึงเจตนาชัด ๆ เลยว่าเราจงใจจะเอาเงินประกัน ซึ่งหากเป็นอย่างนี้เท่ากับบริษัทประกันได้รับความเสียหายไปเต็ม ๆ ดังนั้นบริษัทประกันจึงมีสิทธิฟ้องร้องค่าเสียหายจากเราได้ นอกจากจะต้องจ่ายค่าเสียหายเองแล้ว ยังเสี่ยงติดคุกอีก แบบนี้ไม่คุ้มเลย
4. เหตุก่อการร้าย หรือสงคราม
ไม่ว่าจะเหตุระเบิด สงครามกลางเมือง หรือความเสียหายจากอาวุธ ฯลฯ แน่นอนว่าหากรับประกันกรณีนี้ด้วย บริษัทประกันคงมีแต่เสียกับเสีย แต่ก็อาจจะมียกเว้น เช่น ประกันชั้น 1 บางกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองอยู่บ้าง อาจจะต้องตรวจสอบแผนประกันให้ดีก่อนซื้อ
5. การใช้รถผิดประเภท
กรณีนี้ก็นับว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่เอาไปใช้เป็นรถสาธารณะ แบบนี้บริษัทประกันก็มองว่าเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้นเหมือนกัน
6. รถเก่าหรือรถที่ไม่ได้ใช้นาน
รถที่เก่าเกินไป หรือจอดทิ้งไว้จนสึกหรอไปเอง แบบนี้มีโอกาสที่บริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครอง โดยส่วนมากแล้วอายุรถที่จะยังได้รับความคุ้มครองอยู่คือ 1-5 ปี บางบริษัทอาจเพิ่มไปถึง 10 ปี
จะเห็นได้ว่าการขับขี่รถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ช่วยให้เราใช้สิทธิ์ตามประกันรถยนต์ประเภทต่าง ๆ ที่เราทำไว้ได้อย่างอุ่นใจ หากใครที่ยังไม่มีใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุ ก็ควรไปจัดการให้เรียบร้อย เดี๋ยวนี้การทำใบขับขี่ หรือต่ออายุทำได้ง่ายขึ้นมาก จะได้ไม่ต้องทำผิดกฎหมาย แถมยังได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์อย่างอุ่นใจ ควรจำไว้เลยว่าใบขับขี่ ประกันรถยนต์ และพ.ร.บ. นับเป็น 3 สิ่งที่ควรจะต้องมี และขาดไม่ได้สำหรับคนมีรถ