ประกันของเรา
บทความ
เกี่ยวกับ gettgo

ประกาศความเป็นส่วนตัวว่าด้วยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าและผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ

บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด และ บริษัทในเครือ หมายรวมถึง บริษัทหรือองค์กรอื่นใดที่ควบคุม ถูกควบคุม หรืออยู่ภายใต้       การควบคุมของบริษัท ซึ่งอาจมีผู้ถือหุ้นหรือกรรมการส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกัน (ซึ่งต่อไปนี้รวมเรียกว่า “MTB” “บริษัท” หรือ “เรา”) ตระหนักดีถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและความรับผิดชอบของบริษัทเกี่ยวกับเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าและผู้มีความสัมพันธ์    ทางธุรกิจ (ซึ่งต่อไปนี้รวมเรียกว่า “ท่าน”) และ/หรือการส่ง การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่น

บริษัทยึดค่านิยมที่ถือว่า ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่ท่านมีให้แก่เรา เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งสำหรับบริษัท บริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้มีการประมวลผลและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่าง ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น การสร้างความเข้าใจแก่ท่านในเรื่องของวิธีการขั้นตอนในการเก็บรวบรวม การใช้ การประมวลผล และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญสำหรับบริษัท         ทั้งนี้ ท่านจะต้องอ่านและทำความเข้าใจประกาศความเป็นส่วนตัวว่าด้วยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าและผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างละเอียด ดังนี้

1. ประเภทของบุคคลที่เราเก็บรวบรวมข้อมูล​​​

คู่ค้าและผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ หมายถึง บุคคลที่จะซื้อ/จะขายหรือซื้อ/ขายสินค้า และ/หรือบริการกับบริษัท หรือผู้ปฏิบัติงานในกลุ่มบริษัทที่มีความสัมพันธ์ในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ไม่ว่าจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัทหรือไม่ เช่น คู่สัญญา ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา เป็นต้น และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่ค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทกับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้ส่งสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค  เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่บริษัทด้วย

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการให้ข้อมูลนั้นของท่าน โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การเข้าทำสัญญา และการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัท อาจส่งผลให้ทางบริษัทไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการเข้าทำสัญญาของท่าน หรือท่านอาจไม่ได้รับสิทธิบางประการจากบริษัท ตัวอย่างของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมประกอบไปด้วย

  1. ข้อมูลที่ต้องใช้สำหรับการทำสัญญา เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในหนังสือรับรองนิติบุคคล ที่ออกโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ ชื่อ นามสกุล ของกรรมการ เป็นต้น  ข้อมูลที่อยู่ในบัตรประจำตัวประชาชน หรือเอกสารระบุตัวตนอื่น ได้แก่ ชื่อ นามสกุล หมายเลขประจำตัวประชาชน วันเดือน ปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ ที่อยู่ ภาพถ่ายของผู้ถือบัตร ข้อมูลติดต่อ เช่น ที่อยู่ สำเนาทะเบียนบ้าน เบอร์โทรศัพท์
  2. ข้อมูลทางการเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร เป็นต้น

ทั้งนี้บริษัทไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่ปรากฎอยู่บนอยู่บนเอกสารระบุตัวตน หรือเอกสารประกอบการทำธุรกรรมและ/หรือนิติกรรมสัญญา โดยเราอาจดำเนินการดังกล่าวด้วยตนเราจะดำเนินการขีดฆ่าหรือปิดทับข้อมูลในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่านเองโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ท่านทราบ หรือเราอาจขอให้ท่านเป็นผู้ดำเนินการขีดฆ่าหรือปิดทับข้อมูลในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่านด้วยตนเอง

3. วิธีการเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงจากท่าน ที่ท่านอาจได้ให้ไว้หรือได้มาในการจะซื้อ/จะขายสินค้าหรือบริการ การซื้อ/ขายสินค้าหรือบริการ การเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท หรือขณะเข้าทำสัญญากับบริษัท เว้นแต่บางกรณีที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น บริษัทต้นสังกัดของท่าน พนักงาน เลขานุการหรือผู้ประสานงานแทนของท่าน หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานของรัฐ บุคคลอื่นที่แนะนำท่านให้เรา แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า หรือจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ เช่น เว็บไซต์ ข้อมูลที่ค้นหาได้ทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

ในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับบุคคลอื่นแก่เรา ท่านรับรองและรับประกันความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น พร้อมทั้งรับรองและรับประกันว่าท่านได้นำส่งสำเนานโยบายนี้แก่บุคคลดังกล่าวแล้วในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่เรา

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ที่ท่านให้ข้อมูล เพื่อการบริหารจัดการธุรกิจของบริษัท และเพื่อส่งเสริมการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีระหว่างบริษัทและท่าน บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้

4.1 การปฏิบัติภาระหน้าที่ของบริษัทตามสัญญา

วัตถุประสงค์ และ/หรือกิจกรรม

ประเภทของข้อมูล

ฐานทางกฎหมาย

  • เพื่อการเข้าทำสัญญากับท่าน รวมถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างก่อนเข้าทำสัญญา และเพื่อการปฏิบัติตามสิทธิหน้าที่มีตามสัญญาที่บริษัทเข้าทำกับท่าน หรือองค์กรที่ท่านสังกัด
  • เพื่อระบุตัวตนของท่านหรืออำนาจของท่านในการกระทำ การในนามขององค์กร
  • เพื่อการติดต่อ หรือดำเนินการใดที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินธุรกิจของบริษัตลอดระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับท่าน
  • ข้อมูลที่ต้องใช้สำหรับการทำสัญญา
  • ข้อมูลทางการเงิน
  • การปฏิบัติตามสัญญา
  • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  • ใช้ข้อมูลของท่านในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือกรณีข้อพิพาทซึ่งท่านหรือบุคคลอื่นเป็นผู้ยื่นเรื่อง
  • ข้อมูลที่ต้องใช้สำหรับการทำสัญญา
  • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  • ใช้ข้อมูลของท่านในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือกรณีข้อพิพาทซึ่งท่านหรือบุคคลอื่นเป็นผู้ยื่นเรื่อง
  • ข้อมูลที่ต้องใช้สำหรับการทำสัญญา
  • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

4.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย

วัตถุประสงค์ และ/หรือกิจกรรม

ประเภทของข้อมูล

ฐานทางกฎหมาย

  • เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานราชการ ได้แก่ กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)  เป็นต้น
  • ข้อมูลที่ต้องใช้สำหรับการทำสัญญา
  • การปฏิบัติตามกฎหมาย

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะจัดให้มีเอกสารการแจ้งข้อมูลการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม เพื่ออธิบายการใช้ข้อมูลในวัตถุประสงค์ดังกล่าว ท่านควรอ่านเอกสารการแจ้งการประมวลผลข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องดังกล่าวร่วมกับคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

5. วิธีการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

การปกป้องความเป็นส่วนตัวของท่านถือเป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่งสําหรับบริษัท บริษัทมีนโยบายและกระบวนการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล และบริษัทจํากัดสิทธิการเข้าถึง ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับเฉพาะบุคคลที่จําเป็นต้องใช้ข้อมูลของท่านในการในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้เช่น พนักงาน หรือตัวแทนของบริษัท ซึ่งบุคคลที่บริษัทอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้น จะต้องยึดมั่นและทําการปกป้อง ตลอดจนและรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทมีมาตรการการป้องกันทั้งทางกายภาพและทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการกํากับดูแลที่บังคับใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ในกรณีที่บริษัทมีการเข้าทําสัญญากับบุคคลที่สาม บริษัทจะกําหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความปลอดภัย

6. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทมีนโยบายที่จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ท่านได้ให้ไว้เท่านั้น โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านดังนี้

  • โดยทั่วไปบริษัทจะจัดเก็บข้อมูลสัญญาซึ่งรวมถึงข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง ภาคผนวกหรือเอกสารแนบท้ายอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเป็น ระยะเวลา 10 ปีนับจากวันสิ้นสุดของสัญญา เพื่อใช้ประกอบการดำเนินการตามกฎหมายหากกรณีมีข้อโต้แย้งหรือมีข้อพิพาทเกิดขึ้น ซึ่งระยะเวลาในการจัดเก็บดังกล่าวเป็นไปตามอายุความทั่วไปที่กฎหมายกำหนด สำหรับกรณีเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ท่านให้ อย่างไรก็ตาม อาจมีกรณีที่บริษัทจัดเก็บข้อมูลของท่านโดยใช้ระยะเวลาการจัดเก็บน้อยกว่า ระยะเวลาดังกล่าวได้
7. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทมีนโยบายและกระบวนการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับเฉพาะบุคคลที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลของท่าน อย่างไรก็ตามข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีการเปิดเผยไปยังกลุ่มบุคคล ได้แก่

  • บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกที่เป็นผู้ให้บริการของบริษัท เช่น บุคคลภายนอกซึ่งให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ช่วยในการดำเนินธุรกิจของบริษัทหรือที่ปรึกษาวิชาชีพ  บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการรับ/จ่ายค่าตอบแทนและผลประโยชน์ให้แก่ท่าน ทนายความหรือนักบัญชี หากบริษัทเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ให้บริการภายนอก บริษัทจะใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อให้มีการคุ้มครองข้อมูลอย่างเหมาะสม
  • บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่ลูกค้า/คู่ค้าหากมีความจำเป็นในการให้บริการลูกค้าหรือมีหน้าที่ในการติดต่อประสานงานกับคู่ค้า เช่น บริษัทอาจให้รายละเอียดติดต่อของท่านเพื่อให้ลูกค้าติดต่อกับท่านในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่
  • บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลของท่านหากเป็นหน้าที่ที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น ในกรณีซึ่งกฎหมาย หน่วยงานราชการและหน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย คณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแล กำหนดให้บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลนั้น หรือบริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลอันเป็นส่วนหนึ่งของการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย บริษัทยังอาจจะเปิดเผยข้อมูลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ และการเปิดเผยนั้นจำเป็นและได้สัดส่วน

ในกรณีที่บริษัทมีการเข้าทำสัญญากับบุคคลที่สาม หรือผู้รับจ้างให้บริการแก่บริษัท บริษัทจะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาข้อมูลที่เป็นความลับที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความปลอดภัย

8. สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ในฐานะเจ้าของข้อมูล ท่านมีสิทธิ์สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

  • สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสําเนาข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านในกรณีที่เป็นข้อมูลซึ่งท่านไม่ได้ให้ความยินยอมในการรวบรวมหรือจัดเก็บ
  • สิทธิในการขอให้บริษัทดําเนินการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  • สิทธิในการขอให้ระงับการ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการ ชั่วคราว
  • สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
  • สิทธิในการขอให้ดําเนินการลบหรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในรูป แบบที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
  • สิทธิในการถอนความยินยอม ทั้งนี้ การถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว
  • สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

บริษัทจะดําเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 (สามสิบ) วันหลังจากที่ท่านมีคําขอดังกล่าวมาถึง บริษัทหากท่านต้องการที่จะใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น กรุณาติดต่อมายังบริษัทที่ dpo-office@gettgo.co.th

9. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวว่าด้วยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัวว่าด้วยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญาและผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจนี้ได้ตลอดเวลา กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ บริษัทจะนำข้อมูลใหม่มาปรับปรุงบนหน้าเว็บไซต์ https://gettgo.com/privacy-policy หรือตามช่องทางที่บริษัทเห็นว่าเหมาะสม ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568


เข้าสู่ระบบ

หากยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ กรุณา สมัครสมาชิก

 

สมัครสมาชิก

หากเป็นสมาชิกอยู่แล้วกรุณา ลงชื่อเข้าใช้งาน

Loading..

กำลังดำเนินการ กรุณารอสักครู่ค่ะ 😊

ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    ข้าพเจ้ายินยอมให้บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด  (“บริษัท”)
เก็บรวบรวมใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าเพื่อการนำเสนอโปรโมชั่น สิทธิพิเศษ ข่าวสาร ผลิตภัณฑ์ บริการ จากบริษัท รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติจากบริษัท และ/หรือบริษัทในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจ และเพื่อโอกาสที่ข้าพเจ้าจะได้รับข้อเสนอ บริการพิเศษ โปรโมชั่น หรือผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างเหมาะสมจากบริษัทในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจ ข้าพเจ้ายินยอมให้เปิดเผยข้อมูลของข้าพเจ้าให้แก่บริษัทดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์ตลอดจนการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์และบริการ 

การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล 

    ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
    บริษัทจะดำเนินการอย่างดีที่สุดในการรักษาความลับและดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย คุณสามารถเลือกให้หรือไม่ให้ความยินยอมโดยไม่มีผลต่อการพิจารณาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เว็บไซต์ https://gettgo.com/privacy-policy
ทั้งนี้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการให้ความยินยอมได้ โดยติดต่อเราที่ email : dpo-office@mtb.co.th หรือโทร 02-693-2775 (DPO)
     การที่คุณยอมรับตามด้านล่างนี้ถือว่าคุณได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น