น้ำท่วมทีไร เจ้าของรถต้องใจหายใจคว่ำกับสายฝนที่สาดกระหน่ำลงยามค่ำคืน ตื่นเช้าก็ลุ้นว่า ฝนยังตกต่อเนื่องไหม ที่ถนนมีน้ำขังหรือเปล่า เช้านี้ต้องขับรถลุยน้ำไปถึงออฟฟิศไหม ซึ่งถ้าแจ็คพ็อตรถดับกลางทางท่ามกลางทะเลกรุงเทพ ก็ต้องมาปวดหัวอีกว่า เครื่องยนต์ส่วนไหนพังบ้าง ค่าซ่อมค่าเปลี่ยนอะไหล่จะแพงไหม ความกังวลเหล่านี้จะหายไปหากเพื่อน ๆ ทำประกันชั้น 1 ที่คุ้มครองครอบคลุมภัยธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงกรณีน้ำท่วมด้วย
เงื่อนไขการคุ้มครอง
การพิจารณาค่าสินไหมและเงินทดแทนนั้นจะพิจารณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น หากเครื่องยนต์เสียหายหนักมาก และไม่สามารถซ่อมได้ หรือหากไม่คุ้มแก่การซ่อมให้กลับมาใช้งานตามเดิม โดยทั่วไป บริษัทประกันอาจพิจารณาประเมินมูลค่าความเสียหาย 70% ของมูลค่าของรถนั้น ๆ แต่ในกรณีนี้คือท่วมจริง ๆ นะครับ เช่น น้ำท่วมถึงแผงคอนโซลหน้ารถ หรือมิดคัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เมื่อเพื่อน ๆ จอดรถไว้ที่ชั้นใต้ดิน แล้วฝนตกหนัก น้ำท่วม หรือเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมสุดโหดแบบปี 2554 นั่นเอง
หากรถยนต์ได้รับความเสียหายบางส่วน เช่น ท่วมมิดล้อ แล้วเบรกหรือขับเคลื่อนได้ไม่ดีดังเดิม บริษัทประกันก็จะประเมินความเสียหายนั้น และออกสินไหมทดแทนให้ ในกรณีนี้รวมถึงเคสที่น้ำท่วมพื้นรถ ต้องซักพรมทำความสะอาดเบาะ นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขความคุ้มครองสิ่งที่เกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย และทรัพย์สินโดยจะมีมูลค่าตามแต่บริษัทประกันตั้งไว้ต่อครั้ง ต่อคนครับ
ขั้นตอนติดต่อ
เมื่อขับ ๆ ไปแล้ว รถยนต์เกิดอาการแปลก ๆ จนไม่สามารถขับได้ตามปกติ ให้พยายามนำรถขึ้นสู่พื้นที่สูง (อย่างน้อยขอให้น้ำไม่กระเพื่อมตีใต้ท้องรถ ไม่งั้นเวลาเพื่อน ๆ เปิดประตูน้ำจะซึมเข้ามาที่พื้นรถได้นะครับ) จากนั้นโทรแจ้งบริษัทประกันภัยหรือโบรกเกอร์ประกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาประเมินความเสียหายของรถยนต์ ระหว่างรอก็โทรแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น พี่หัวหน้าที่ออฟฟิศ หรือ เพื่อนให้เขาไม่ต้องเป็นห่วงกันว่า ทำไมเราไปสาย
เมื่อเจ้าหน้าที่มาแล้ว หากพิจารณาแล้วรถยนต์เสียหายเพียงบางส่วน และยังพอขับรถต่อไปได้ ทางเจ้าหน้าที่จะออกใบเคลมให้เพื่อให้เรานำรถไปซ่อมครับ แต่ถ้าหากดูทรงแล้ว เสียหายมากจนไม่สามารถขับได้ เจ้าหน้าที่จะแจ้งเรื่องไปยังบริษัทประกัน และทางเราก็รอรับค่าเสียหายจากบริษัทประกัน ซึ่งทางบริษัทจะหักลบจากความเสื่อมสภาพของรถด้วยนะครับ (เช่น หากระบุว่า จะได้รับค่าสินไหมจำนวนหนึ่ง เราอาจจะได้รับจริง ๆ 80% หากทางบริษัทประกันพิจารณาว่า รถของเราผ่านการใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง) ซึ่งค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกันแต่ละเจ้า และสภาพรถยนต์ของเราด้วยครับ
สำหรับผม เมื่อฝนตกแล้วทำท่าว่าจะท่วมหนัก ผมก็จะลองขอที่ออฟฟิศทำงานจากบ้านช่วงเช้าก่อน แล้วพอสาย ๆ น้ำลด ถึงจะขับรถไปที่ออฟฟิศครับ แต่ถ้าหากใครมีธุระที่จะต้องไปจริง ๆ เตรียมพร้อมไว้ย่อมจะดีกว่านะครับเรื่องภัยธรรมชาติ ถึงพยากรณ์อากาศ (ซึ่งบางทีก็แม้นแม่น) จะช่วยให้เราเตรียมรับมือได้ระดับหนึ่ง แต่เราก็ไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่ามันจะร้ายแรงขึ้นมาเมื่อไหร่ อากาศแปรปรวนแบบวันเดียวครบสามฤดูแบบนี้ จู่ ๆ ฝนจะตกลงมา น้ำจะท่วมถนนเส้นที่เราใช้ประจำมั้ย ต้องรอระบายนานเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ครับ เอาเป็นว่าไม่ประมาทไว้เป็นดีที่สุด ลองศึกษาเปรียบเทียบรายละเอียดประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่คุ้มครองกรณีน้ำท่วมตลอดจนภัยธรรมชาติอื่น ๆ ได้ที่ GettGo เพื่อหาความคุ้มครองที่ใช่ เอาไว้ดูแลรถลูกรักกันนะครับ