สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ การเจอกับปัญหาเครื่องดีเลย์คงสร้างความกังวลและเสียเวลาไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อมีนัดสำคัญหรือต้องเดินทางเชื่อมต่อกับไฟลต์ถัดไป สิ่งที่ควรรู้คือ เมื่อเครื่องบินดีเลย์ ผู้โดยสารสามารถขอรับการชดเชยจากสายการบินได้ ดังนั้น การเข้าใจกฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้โดยสารและขั้นตอนในการเรียกร้องสิทธิประโยชน์ จะช่วยให้คุณเตรียมตัวรับมือได้อย่างมั่นใจ และช่วยแบ่งเบาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย
เครื่องบินดีเลย์เกิดจากอะไร ?
เครื่องบินเกิดเหตุดีเลย์ได้จากหลายปัจจัย ซึ่งส่งผลต่อการรับผิดชอบของสายการบินในระดับที่แตกต่างกันออกไป ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสมและครอบคลุม โดยสาเหตุที่มักพบได้เป็นส่วนใหญ่ เช่น
สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
สาเหตุหลักของเครื่องบินดีเลย์ มักเป็นเพราะสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ ไม่ว่าจะเป็นหมอกหนาจัดจนทัศนวิสัยต่ำ พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง หรือแม้แต่พายุหิมะในบางภูมิภาค สภาพอากาศเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความปลอดภัยในการขึ้นบินและลงจอด ทำให้สายการบินจำเป็นต้องเลื่อนหรือยกเลิกเที่ยวบิน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสาร
ปัญหาทางเทคนิคของเครื่องบิน
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เครื่องบินดีเลย์ คือปัญหาทางเทคนิคหรือความผิดปกติของตัวเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ขัดข้อง ระบบไฟฟ้าผิดปกติ รวมถึงการตรวจพบชิ้นส่วนที่ต้องได้รับการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนใหม่ก่อนออกเดินทาง แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่การตรวจสอบและแก้ไขอย่างละเอียดก่อนขึ้นบินเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคน
ไฟลต์บินขาเข้าล่าช้า
หลายครั้งที่ไฟลต์ดีเลย์ อาจไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของเครื่องบินลำที่เราจะขึ้นโดยตรง แต่เป็นเพราะเครื่องบินลำนั้นยังเดินทางมาไม่ถึงสนามบิน เนื่องจากการล่าช้าของเที่ยวบินก่อน และเมื่อถึงสนามบินแล้ว ยังคงต้องใช้เวลาในการเตรียมพร้อมสำหรับเที่ยวบินใหม่อีกด้วย
การตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติม
หากมีการพบสิ่งต้องสงสัย หรือมีเหตุจำเป็นทางความมั่นคง เช่น การแจ้งเตือนด้านความปลอดภัย หรือการตรวจพบวัตถุต้องสงสัย เครื่องบินอาจถูกระงับชั่วคราว เพื่อดำเนินการตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างปลอดภัยก่อนที่จะออกเดินทาง ซึ่งเป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้โดยสาร
เครื่องบินดีเลย์กี่ชั่วโมงถึงได้เงินชดเชย ?
ประเทศไทยมีกฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้โดยสารของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่ผู้โดยสารควรได้รับเมื่อเครื่องบินดีเลย์ ซึ่งแบ่งตามระยะเวลาการล่าช้า ดังนี้
ดีเลย์เกิน 2 ชั่วโมง
หากเครื่องบินดีเลย์เกินกว่า 2 ชั่วโมง หลายคนอาจสงสัยว่าต้องเป็นใครรับผิดชอบ ซึ่งตามข้อกำหนดของ กพท. แล้ว เป็นหน้าที่ของสายการบิน โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการ คือ
- จัดหาอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอ
- อำนวยความสะดวกด้านการติดต่อสื่อสาร เช่น การให้ใช้โทรศัพท์ หรืออินเทอร์เน็ต เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถติดต่อญาติหรือแจ้งเรื่องสำคัญได้
ดีเลย์เกิน 5 ชั่วโมง
เมื่อเครื่องบินดีเลย์เกินกว่า 5 ชั่วโมง สิทธิที่ผู้โดยสารจะได้รับจะเพิ่มขึ้นจากกรณีแรก คือ
- จัดหาที่พักพร้อมการรับส่ง หากต้องมีการพักค้างคืน
- ได้รับค่าโดยสารคืน* ในกรณีที่ไม่ต้องการเดินทางแล้ว
- ได้รับค่าชดเชย*/** เป็นจำนวนเงิน 1,500 บาท
ดีเลย์เกิน 10 ชั่วโมง
สำหรับกรณีที่เครื่องบินดีเลย์อย่างหนักหน่วง คือตั้งแต่ 10 ชั่วโมงขึ้นไป สิทธิที่ผู้โดยสารจะได้รับจะเพิ่มขึ้นจากกรณีแรกและกรณีที่สอง คือ
- ได้รับค่าโดยสารคืน* ในกรณีที่ไม่ต้องการเดินทางแล้ว หรือเปลี่ยนเที่ยวบิน หรือเดินทางโดยระบบขนส่งอื่น
- ได้รับค่าชดเชย*/** ตามมูลค่า ดังนี้
- 2,000 บาท สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะทางไม่เกิน 1,500 กิโลเมตร
- 3,500 บาท สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะทางระหว่าง 1,500-3,500 กิโลเมตร
- 4,500 บาท สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะทางเกิน 3,500 กิโลเมตร
หมายเหตุ
*สายการบินสามารถเสนอการคืนค่าโดยสาร/ หรือค่าชดเชยในรูปแบบของวงเงินเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป (Credit Shell)/ หรือบัตรกำนัลการเดินทาง (Travel Vochers)/ หรือไมล์สะสมตามโครงการสะสมไมล์/หรือสิ่งอื่นแทน
**ยกเว้นเหตุการณ์ภายนอกที่ไม่อาจคาดหมายและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้สายการบินจะดำเนินการตามมาตรการอันสมควรแล้วก็ตาม อ้างอิง: ข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 101 มาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารในเที่ยวบินแบบประจำภายในประเทศและระหว่างประเทศ มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2568
เมื่อเครื่องบินดีเลย์ต้องทำอย่างไร ?
เมื่อคุณต้องเผชิญกับสถานการณ์ไฟลต์ดีเลย์สิ่งสำคัญคือ การตั้งสติและดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ดังนี้
1. รวบรวมเอกสาร
การมีเอกสารหลักฐานที่ครบถ้วน จะช่วยให้การเรียกร้องสิทธิเป็นไปอย่างราบรื่น โดยควรเก็บรวบรวมเอกสารเหล่านี้
- Boarding Pass คือหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าคุณมีสิทธิเดินทางในเที่ยวบินนั้น
- ใบจองตั๋ว (E-ticket/Booking Confirmation) รายละเอียดการจองเที่ยวบินของคุณ
- หลักฐานการใช้จ่ายเพิ่มเติม ถ้าหากคุณมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดีเลย์ เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พักที่ต้องจ่ายเพิ่ม (ในกรณีที่สายการบินไม่ได้จัดหาให้) หรือค่าเดินทางที่จำเป็น ให้เก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ในการเรียกร้อง
2. ขอเอกสารรับรองการดีเลย์
หลังจากไฟลต์ดีเลย์ สิ่งที่ควรทำทันทีคือ การติดต่อเจ้าหน้าที่ของสายการบิน เพื่อขอ Delay Certificate หรือเอกสารรับรองการดีเลย์ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ระบุสาเหตุและระยะเวลาที่เที่ยวบินล่าช้า หากไม่สามารถขอเอกสารดังกล่าวได้ ให้คุณบันทึกเวลาจริงของการดีเลย์ด้วยตนเอง พร้อมถ่ายภาพหน้าจอแสดงสถานะเที่ยวบิน หรือภาพบอร์ดประชาสัมพันธ์ที่ระบุเวลาดีเลย์ไว้เป็นหลักฐาน
3. ขอชดเชยความเสียหาย
เมื่อรวบรวมเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียกร้องสิทธิ โดยให้ดำเนินการ ดังนี้
ติดต่อสายการบิน
คุณสามารถติดต่อขอรับการชดเชย ด้วยการกรอกแบบฟอร์มคำร้องตามที่สายการบินกำหนด แล้วยื่นคำร้องที่เคาน์เตอร์บริการลูกค้า หรือผ่านช่องทางออนไลน์ของสายการบิน
แจ้งเคลมประกันการเดินทาง
ประกันการเดินทางต่างประเทศ เป็นอีกตัวช่วยที่จะให้ความคุ้มครองในกรณีเครื่องบินดีเลย์ หรือยกเลิกเที่ยวบินได้ คุณควรแจ้งเคลมกับบริษัทประกันทันทีที่เกิดเหตุ โดยควรแจ้งภายใน 24-48 ชั่วโมง เพื่อให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
การเดินทางคือประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างไฟลต์ดีเลย์ก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น การเลือกซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศ จึงเป็นอีกตัวช่วยที่จะให้ความคุ้มครองในกรณีเครื่องบินดีเลย์ สามารถเลือกซื้อได้แล้ววันนี้ที่ gettgo
สอบถามเพิ่มเติมผ่าน LINE OA: @gettgo หรือโทร. 02-111-7800
ข้อมูลอ้างอิง
- อัปเดตกฎหมายใหม่ เครื่องบินดีเลย์-ยกเลิก 2568 เคลียร์ชัด ได้สิทธิชดเชยอะไรบ้าง. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 จาก https://travel.kapook.com/view291668.html