สรุปใจความสำคัญ
ปัจจุบันการเดินทางระหว่างประเทศกลายเป็นเรื่องสะดวกสบายและเข้าถึงง่าย เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมทั่วโลกจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ จนเกิดปรากฏการณ์ “นักท่องเที่ยวล้นเมือง” หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “Overtourism” ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาระดับโลกที่หลายเมืองต้องเผชิญ
สถานการณ์นี้ไม่เพียงกระทบต่อความสุขของนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติ และโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ที่ต้องรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล หลายพื้นที่จึงเริ่มออกมาตรการเพื่อควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยว และส่งเสริมแนวคิด “การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม
ในขณะเดียวกัน นักเดินทางอย่างเราก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดผลกระทบเหล่านี้ได้เช่นกัน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าปัญหา Overtourism คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และเราจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ให้ความใส่ใจต่อโลกได้อย่างไรบ้าง

นักท่องเที่ยวล้นเมือง (Overtourism) คืออะไร ?
Overtourism คือ ปรากฏการณ์ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่เมืองหรือแหล่งท่องเที่ยวมากเกินไป จนเกินขีดความสามารถของพื้นที่นั้นจะรองรับได้อย่างสมดุล ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่น
ในทางเศรษฐกิจ แม้การท่องเที่ยวจะสร้างรายได้ให้เมืองก็จริง แต่เมื่อปริมาณนักท่องเที่ยวมากเกินไป ผลที่ตามมากลับกลายเป็น “ภาระ” เช่น การใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น การเพิ่มขึ้นของขยะ การสึกหรอของสถานที่สำคัญ และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมของคนในพื้นที่
สถานการณ์ปัญหาในเมืองท่องเที่ยวต่างประเทศ
ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะเมืองยอดนิยมที่ต้องรองรับนักเดินทางนับล้านคนต่อปี จนเกินขีดความสามารถของพื้นที่ในการจัดการ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และประเทศไทยเอง
ประเทศญี่ปุ่น
ในยุคที่ค่าเงินเยนญี่ปุ่นอ่อนตัว ทำให้การเที่ยวญี่ปุ่นเป็นเรื่องง่าย ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองที่ประเทศญี่ปุ่นจึงตามมา เช่น ที่เมืองคามาคุระ (Kamakura) ซึ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมในฤดูชมซากุระ ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทำให้ถนนสายหลักแออัด ร้านอาหารและคาเฟ่เต็มทุกแห่ง ส่งผลให้คนท้องถิ่นใช้ชีวิตลำบาก และเมืองเริ่มสูญเสียความสงบแบบดั้งเดิมที่เคยมี
รวมถึงที่เมืองฮิเมจิ (Himeji) ที่กำลังจะนำระบบราคาสองระดับมาใช้กับนักท่องเที่ยวในปี 2569 โดยค่าตั๋วเข้าชมปราสาทนกกระสาขาวฮิเมจิจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000-3,000 เยน ซึ่งสูงกว่าค่าธรรมเนียมสำหรับคนท้องถิ่น 2-3 เท่า
ทวีปยุโรป
ปัญหานักท่องเที่ยวล้นที่ยุโรปเห็นได้ชัดในหลายเมืองยอดนิยม เช่น เวนิส บาร์เซโลนา และปารีส ซึ่งต้องรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลตลอดทั้งปี จนระบบขนส่งสาธารณะ ที่พัก และโครงสร้างพื้นฐานเริ่มไม่สามารถรองรับได้เพียงพอ รวมไปถึงการใช้ชีวิตของชาวเมืองก็เริ่มลำบากมากขึ้น เช่น ถูกนักท่องเที่ยวก่อกวน คุกคาม การขอเซลฟีกับชาวบ้าน ทำให้หลายเมืองต้องออกมาตรการอย่างจริงจัง เช่น การจำกัดจำนวนผู้เข้าชมสถานที่สำคัญ การกำหนดค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวรายวัน และการรณรงค์ให้ผู้มาเยือนกระจายตัวไปยังเมืองรอง เพื่อบรรเทาความแออัด และลดแรงกดดันต่อสิ่งแวดล้อมและคนท้องถิ่น
ประเทศไทย
เกาะพีพี ภูเก็ต และเชียงใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทยที่ต้องเผชิญกับภาวะนักท่องเที่ยวล้นในช่วงเทศกาล ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ปะการังเสียหาย ปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น ปัญหาการจราจรในเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ยอดนิยมที่โครงสร้างพื้นฐานยังไม่รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปแล้ว พฤติกรรมบางอย่างของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสียงดัง การต่อคิวไม่เป็นระเบียบ หรือการใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น ยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้รุนแรงขึ้น และทำให้ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพลดลงในสายตาของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวด้วยกันเอง
ผลกระทบต่อชุมชนและเมือง
หากไม่มีการบริหารจัดการปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองอย่างเหมาะสม เมืองต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ สูญเสียเอกลักษณ์และความน่าอยู่ที่เคยเป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้มาเยือนตั้งแต่แรกเริ่ม ปรากฏการณ์นี้ยังส่งผลกระทบในหลายด้าน ทั้งต่อคนท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติ และวัฒนธรรมของชุมชนโดยรอบ ดังนี้
ผลกระทบต่อคนท้องถิ่น
เมื่อปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาที่อยู่อาศัยและค่าครองชีพในเมืองท่องเที่ยวก็มักปรับตัวสูงตามไปด้วย จากความต้องการของนักท่องเที่ยวและธุรกิจที่มองหาทำเลทองในการลงทุน นอกจากนี้ การจราจรที่ติดขัด ร้านอาหารที่แน่นขนัด และสถานที่สาธารณะที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว จะทำให้คนในพื้นที่ใช้ชีวิตประจำวันได้ยากขึ้น หลายคนรู้สึกสูญเสียความสงบและความเป็นส่วนตัวในเมืองของตัวเอง
ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและโครงสร้างพื้นฐาน
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ชายหาด ภูเขา หรือแนวปะการัง เริ่มเสื่อมสภาพจากการใช้งานเกินความสามารถของพื้นที่ ทั้งการทิ้งขยะ การเหยียบย่ำ หรือการรบกวนระบบนิเวศโดยไม่ตั้งใจ ขณะเดียวกัน สิ่งอำนวยความสะดวกของเมือง เช่น ระบบจัดการน้ำเสีย ขยะ และขนส่งสาธารณะ ก็ไม่เพียงพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ส่งผลให้คุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของเมืองลดลง
ผลกระทบต่อวัฒนธรรมและสังคม
เมื่อเมืองท่องเที่ยวต้องพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวมากเกินไป วัฒนธรรมท้องถิ่นบางส่วนอาจถูกปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองความคาดหวังของนักท่องเที่ยว เช่น การจัดการแสดงพื้นบ้านที่ดัดแปลงจนขาดความเป็นต้นฉบับ หรือการจำหน่ายของที่ระลึกที่ผลิตในเชิงพาณิชย์มากกว่างานฝีมือดั้งเดิม นอกจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น ความแตกต่างด้านรายได้ระหว่างชุมชนกับภาคธุรกิจท่องเที่ยว ยังอาจนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำและสร้างความขัดแย้งในระยะยาวได้

มาตรการแก้ไขและการรับมือของเมืองท่องเที่ยว
หลายเมืองทั่วโลกเริ่มออกมาตรการและนโยบายที่แตกต่างกันในการรับมือกับปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง โดยมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างรายได้จากการท่องเที่ยวกับความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่น และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืนในระยะยาว เช่น
นโยบายจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว
หลายเมืองเริ่มกำหนดเพดานจำนวนผู้เข้าชมสถานที่สำคัญต่อวัน หรือใช้ระบบจองล่วงหน้า เพื่อควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับความสามารถในการรองรับของพื้นที่ ซึ่งจะช่วยลดความแออัดและรักษาคุณภาพประสบการณ์ของผู้มาเยือน
การปรับราคาและค่าธรรมเนียมท่องเที่ยว
บางเมืองใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ เช่น การเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชม หรือภาษีนักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้นักเดินทางกระจายตัวไปยังพื้นที่อื่น ๆ
การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการ
เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้น หลายเมืองเริ่มใช้ระบบข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อติดตามจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละพื้นที่ พร้อมแสดงข้อมูลบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เพื่อช่วยให้นักเดินทางสามารถวางแผนเส้นทางได้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่หนาแน่นเกินไป
การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
นอกจากการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวแล้ว หลายประเทศยังหันมาให้ความสำคัญกับ “คุณภาพของการท่องเที่ยว” มากกว่าปริมาณ เช่น การส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างแท้จริง การพักโฮมสเตย์ หรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักท่องเที่ยวกับชุมชนอีกด้วย
วิธีรับมือสำหรับนักเดินทาง
แม้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองจะเป็นเรื่องใหญ่ในหลายประเทศ แต่นักท่องเที่ยวเองก็สามารถส่วนช่วยลดผลกระทบเหล่านี้ได้ ด้วยการปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เมืองท่องเที่ยว และคนท้องถิ่น ดังนี้
วางแผนหลีกเลี่ยงช่วงเวลานักท่องเที่ยวล้น
หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว เพราะเป็นเวลาที่แหล่งท่องเที่ยวหนาแน่น และระบบขนส่งถูกใช้งานหนัก การเลือกเดินทางในช่วงโลว์ซีซันไม่เพียงช่วยลดความแออัด แต่ยังทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศเมืองในมุมที่สงบและเป็นธรรมชาติกว่าเดิม
เลือกแหล่งท่องเที่ยวรองหรือพื้นที่ไม่ค่อยมีคน
แทนที่จะไปเที่ยวเฉพาะจุดหมายยอดนิยม ลองเปิดใจเดินทางไปยังเมืองรองหรือพื้นที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะคุณจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้พูดคุยกับคนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด และช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนที่ยังไม่ค่อยได้รับโอกาสจากการท่องเที่ยวกระแสหลักด้วย
เคารพวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น
การแต่งกายให้เหมาะสม การไม่ส่งเสียงดัง โดยเฉพาะในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบท้องถิ่น คือการแสดงความเคารพต่อเจ้าบ้านและวัฒนธรรมที่คุณไปเยือน ซึ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในสายตาคนท้องถิ่น
สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เลือกร้านอาหาร ที่พัก หรือสินค้าจากผู้ประกอบการในชุมชน เพื่อให้รายได้หมุนเวียนกลับสู่คนในพื้นที่โดยตรง นอกจากนี้ การเลือกซื้อของที่ผลิตในท้องถิ่น หรือใช้บริการโฮมสเตย์แทนโรงแรมขนาดใหญ่ ก็นับเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยลด Carbon Footprint และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนด้วย
ใช้เทคโนโลยีตรวจสอบข้อมูลนักท่องเที่ยวล้นเมือง
ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันและเว็บไซต์มากมายที่ช่วยให้วางแผนการเดินทางได้อย่างสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวในแต่ละจุดแบบเรียลไทม์ หรือเช็กสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณจัดตารางเวลา เลือกเส้นทาง และปรับแผนการท่องเที่ยวได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์จริง ช่วยลดความเสี่ยงจากการเผชิญฝูงชนจำนวนมาก และเปิดโอกาสให้คุณได้ใช้เวลาในแต่ละสถานที่ได้อย่างเต็มอิ่ม
อีกหนึ่งวิธีเตรียมความพร้อมสำหรับนักเดินทาง คือการเลือกซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศจาก gettgo เพื่อให้มั่นใจว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การเจ็บป่วย การสูญเสียทรัพย์สิน หรือเที่ยวบินถูกยกเลิก คุณจะได้รับการดูแลอย่างครบถ้วน เลือกซื้อผ่านเว็บไซต์ของ gettgo เลย หรือสอบถามเพิ่มเติมผ่าน LINE OA: @gettgo หรือโทร. 02-111-7800
ข้อมูลอ้างอิง
- ‘Overtourism’ นักท่องเที่ยวล้นเมือง ทำลายชีวิตคนท้องถิ่น แย่งใช้ทรัพยากร. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 จาก https://www.securitysystems.in.th/2024/08/overtourism/
- ญี่ปุ่นเผชิญ ‘นักท่องเที่ยวล้น’! เปิดวิธีแก้ รับมือการท่องเที่ยวเกินพิกัด. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 จาก https://www.bangkokbiznews.com/world/1151770
- แน่นจนเบียดเบียนคนท้องถิ่น ชวนดูปรากฏการณ์ ‘Overtourism’ เมื่อญี่ปุ่นต้องแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 จาก https://thematter.co/brief/overtourism/225315
