มีโอกาสได้เที่ยวทั้งทีคงไม่มีใครอยากเจอเรื่องร้าย ๆ ให้หมดสนุก เพราะฉะนั้นการซื้อประกันการเดินทางเป็นตัวเลือกที่ดี อย่างน้อยหากเกิดเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในต่างแดน เราจะได้ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเพียงลำพัง แต่เอ๊ะ! ไหนจะประกันการเดินทาง ไหนจะประกันภัยรถยนต์เช่า บางทีก็สับสนว่าต้องซื้อแบบไหนกันแน่ วันนี้ผมจะพาทุกคนไปไขข้อข้องใจ รับรองอ่านจบปุ๊บเข้าใจปั๊บ คราวนี้ไม่ว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไหนก็อุ่นใจไร้กังวลแน่นอนครับ
ท่องเที่ยวแบบพึ่งพารถสาธารณะ แค่ประกันเดินทางก็เพียงพอ
หากทริปของเราไม่ได้ออกนอกเมืองไปในที่ ๆ ไม่มีรถสาธารณะผ่าน หรือไม่ได้ท่องเที่ยวแบบ road trip แล้วล่ะก็ การเช่ารถขับอาจจะไม่จำเป็น ยิ่งถ้าจุดหมายปลายทางคือประเทศที่มีการขนส่งมวลชนครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง รถลาก รถราง รถทัวร์ รถไฟ เรือ หรือแท็กซี่ ยิ่งสบายหายห่วง เพียงแค่ซื้อประกันเดินทางอย่างเดียวก็เพียงพอ หากเจ็บไข้ได้ป่วยหรือประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง ประกันเดินทางจะช่วยคุ้มครอง ซึ่งครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน เคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน เคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับประเทศไทย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการส่งศพหรืออัฐิกลับประเทศ ในกรณีที่มีการเสียชีวิต ทั้งยังให้ความคุ้มครองด้านสัมภาระและการเดินทางโดยเครื่องบินอีกด้วย เช่น ความล่าช้าในการเดินทางหรือกระเป๋าเดินทาง การยกเลิกหรือลดจำนวนวันเดินทาง การสูญหายหรือเสียหายของกระเป๋าเดินทางหรือทรัพย์สินส่วนตัว ฯลฯ โดยแต่ละบริษัทจะมีแผนและวงเงินเอาประกันภัยที่แตกต่างกันไป ก่อนจะเดินทางทุกครั้งควรใช้เวลาศึกษาข้อมูลและเงื่อนไข เพื่อเปรียบเทียบหาแผนและความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด
เช่ารถถึงไหนถึงกัน ควรมีประกันภัยรถยนต์เช่ารองรับความเสี่ยง
การเช่ารถขับในต่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการเดินทาง ที่สร้างความสะดวกสบายและแต่งแต้มสีสันให้ช่วงเวลาแห่งความสุข ยิ่งเป็น road trip ผจญภัยไปกับคนรัก ครอบครัว หรือแก๊งเพื่อนยิ่งสนุกสุดเหวี่ยง แต่ก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงด้วยเช่นกัน ไหนจะไม่คุ้นชินกับเส้นทาง กฎจราจร และสภาพอากาศ บางประเทศพวงมาลัยอยู่ทางซ้าย รถขับเลนขวา ต่อให้ระวังที่สุดก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเราจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมบางคนเข้าใจผิดว่า แค่ทำประกันเดินทางอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ไม่ใช่ เพราะความจริงแล้วประกันเดินทางจะคุ้มครองแค่คนเท่านั้นไม่คุ้มครองรถ หรือบางบริษัทจะรับผิดชอบแค่ค่าเสียหายส่วนแรกแบบจำกัดวงเงิน ดังนั้น ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา โดนเรียกเก็บบิลค่าเสียหาย คูณค่าเงินบาทเข้าไป คงถึงกับเข่าทรุดกันทีเดียวนะครับ
โดยปกติ เวลาเช่ารถในต่างประเทศจะมีประกันภัยรถยนต์ขั้นพื้นฐานรวมอยู่ด้วย นั่นคือ ประกันที่มีค่าเสียหายส่วนแรก หรือ Collision Damage Waiver (CDW) หมายความว่าหากเกิดอุบัติเหตุที่เรา (ผู้เช่า) เป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณี เรายังต้องรับผิดชอบค่าเสียหายตามจริง แต่ไม่เกินวงเงินที่กำหนด เช่น สมมุติว่าค่าเสียหายทั้งหมด 5,000 EUR แต่ในประกันระบุไว้ว่าจำกัดความรับผิดชอบ 1,000 EUR ก็จะเสียเงินแค่ 1,000 EUR เท่านั้นครับ แต่หากเกิดอุบัติเหตุแล้วเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิดก็ไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งส่วนมากจะไม่รวมความเสียหายของกระจก กระจกมองหลัง ล้อ ยาง ฯลฯ แต่ก็สามารถซื้อความคุ้มครองเต็มรูปแบบทั้งตัวรถและเครื่องยนต์เพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังมีประกันรถหายจากการโจรกรรม หรือ Theft Protection (TP) มาพร้อมเช่ารถเช่นกัน แต่บางบริษัทอาจจะมีเงื่อนไขว่ามีค่าเสียหายส่วนแรก
จะเห็นได้ว่าประกันขั้นพื้นฐานที่มาพร้อมการเช่ารถ ไม่ได้ครอบคลุมทุกสิ่งอย่าง หากเกิดอุบัติเหตุก็ยังต้องควักกระเป๋าอยู่ดี แต่ถ้าเราอยากขับรถเที่ยวแบบไร้กังวล ก็สามารถอัปเกรดประกันเพิ่มความคุ้มครองจากเอเย่นต์ตอนทำการจองรถเช่า หรือเคาน์เตอร์บริการตอนไปรับรถเป็นแบบ Super Collision Damage Waiver (SCDW) คือประกันอุบัติเหตุแบบไม่มีความรับผิดชอบ No deduct ไม่ว่าผู้เช่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็ไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท นอกจากนี้ยังมีแบบ Personal Accident Insurance (PAI) หรือประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ที่ให้ความคุ้มครองเรื่องเงินค่ารักษาพยาบาลหรือในกรณีเสียชีวิตสำหรับผู้เช่าและผู้โดยสาร ซึ่งตัวนี้สามารถเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้ถ้ามีประกันเดินทางแล้วครับ
สรุปว่าหากเราวางแผนท่องเที่ยวโดยใช้รถสาธารณะ ซื้อแค่ประกันเดินทางอย่างเดียวก็ครอบคลุมการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ แต่หากวางแผนจะเช่ารถขับแล้วล่ะก็ ควรซื้อทั้งประกันเดินทางและประกันภัยรถยนต์เช่าไว้เพื่อความอุ่นใจ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันทั้งกับคนและรถจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดใจ แต่จะซื้อความคุ้มครองรูปแบบใดบ้างก็แล้วแต่ความชอบและรูปแบบการเดินทางของแต่ละคน แต่อย่าลืมอ่านเงื่อนไขของแต่ละบริษัทให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจครับ