ฝนตกน้ำท่วม รอการระบาย กลายเป็นของคู่กับคนไทยในช่วงหน้าฝน ซึ่งการขับรถลุยน้ำท่วมไม่เพียงแต่ทำให้เครื่องยนต์เสียหายเท่านั้น แต่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ ดังนั้น เราจึงต้องรู้วิธีขับขี่ที่ถูกต้องและปฏิบัติตามขั้นตอนที่แนะนำ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยได้
7 เทคนิคการขับรถลุยน้ำท่วม
ในช่วงหน้าฝนที่ฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา อาจจะทำให้น้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นแอ่งกระทะ ซึ่งหากไม่จำเป็น ไม่แนะนำให้ขับรถลุยน้ำท่วม เพราะอาจจะทำให้รถดับและเครื่องยนต์พังได้ แต่หากจำเป็นหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือ 7 วิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัยที่นำมาฝากทุกคน
1. ประเมินระดับน้ำก่อนลุย
ก่อนที่จะตัดสินใจขับรถลุยน้ำท่วมควรตรวจสอบระดับน้ำให้ดีเสียก่อน
ระดับน้ำท่วมที่สามารถขับรถลุยผ่านได้
- 5-20 เซนติเมตร รถทุกคันสามารถผ่านได้ แต่ไม่ควรใช้ความเร็วสูง
- 20-40 เซนติเมตร รถที่มีระยะต่ำจากพื้น และรถยนต์ขนาดเล็กควรระมัดระวัง ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยง แต่รถกระบะและรถขนาดใหญ่ยังสามารถขับผ่านได้แบบช้า ๆ
- 40-60 เซนติเมตร รถยนต์ขนาดเล็กและขนาดกลางไม่ควรขับผ่าน รถกระบะยังพอขับผ่านได้ แต่ต้องขับด้วยความระมัดระวังสูง
- ระดับน้ำ 60 เซนติเมตรขึ้นไป ไม่ควรขับผ่าน เสี่ยงทำให้เครื่องยนต์ดับและเสียหายได้
2. ลดความเร็วและใช้เกียร์ต่ำ
ควรขับด้วยความเร็วต่ำ และใช้เกียร์ต่ำ (ประมาณ 1,500-2,000 รอบ/นาที) เพื่อไม่ให้เสียการทรงตัวและลดโอกาสน้ำเข้าระบบเครื่องยนต์ หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา ให้ใช้เกียร์ 1 หรือ 2 แต่หากเป็นรถยนต์เกียร์ออโต ให้ใช้เกียร์ L
3. ปิดเครื่องปรับอากาศและเปิดกระจกระบายอากาศ
หากจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำท่วม ไม่ว่าระดับน้ำอยู่ที่เท่าไร เพื่อความปลอดภัยให้ปิดเครื่องปรับอากาศ และเปิดกระจกเพื่อระบายอากาศแทน เพื่อป้องกันไม่ให้พัดลมแอร์พัดน้ำเข้าห้องเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์ดับหรือไฟฟ้าช็อตได้
4. รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น
เมื่อระบบเบรกชื้นหรือผ้าเบรกเปียก จะทำให้แรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรกกับจานเบรกลดลง ทำให้ระยะเบรกยาวขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าจะขับรถช่วงฝนตก ขับรถลุยน้ำท่วม หรือจอดแช่น้ำ หากขับออกมาบนท้องถนนก็ควรจะเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า 2-3 เท่า
5. ขับตามรถคันใหญ่
ในกรณีที่ถนนเป็นสองเลนที่สวนกันได้โดยไม่มีเกาะกลางถนนคอยกั้น หรือน้ำท่วมจากฝั่งตรงข้ามสามารถสร้างคลื่นมายังฝั่งที่ขับได้ ให้ขับตามรถคันใหญ่ เพื่อช่วยลดแรงกระแทกของคลื่นน้ำที่กระจายออกมา ทำให้ขับรถผ่านน้ำท่วมได้ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
6. หากเครื่องยนต์ดับกลางน้ำไม่ควรสตาร์ตรถใหม่ทันที
หากว่ากำลังขับรถลุยน้ำท่วม แล้วรถยนต์ดับกลางน้ำ ให้จอดรถนิ่ง ๆ ไม่ควรสตาร์ตรถใหม่ทันที เพราะจะทำให้น้ำไหลเข้าเครื่องยนต์ผ่านทางท่อไอดีและท่อไอเสีย ส่งผลให้เครื่องยนต์สำลักน้ำ เครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าเสียหายหนักจนซ่อมยาก ดังนั้น ในกรณีนี้อย่าตกใจ ค่อย ๆ เปิดไฟฉุกเฉินและย้ายรถไปยังที่ปลอดภัยและรอความช่วยเหลือ
7. หลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำท่วมถ้าเป็นไปได้
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือการป้องกัน ในช่วงที่ฝนตกน้ำท่วมบ่อย ๆ ควรดาวน์โหลดแอปที่บอกข้อมูลน้ำท่วม พื้นที่ที่ฝนตก พายุเข้า หรือติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เช่น BMA Traffic, ThaiWater เพื่อประเมินสถานการณ์ หากพบว่าถนนสายไหนมีน้ำท่วม หรือเสี่ยงน้ำท่วม ควรหลีกเลี่ยงเส้นทาง หรือจอดพักในที่ที่ปลอดภัยแล้วค่อยเดินทางต่อ
หลังขับรถลุยน้ำท่วม ต้องทำอย่างไร ?
หลังจากที่ขับผ่านช่วงที่น้ำท่วมจนปลอดภัยแล้ว อย่าเพิ่งประมาท เพราะหลังน้ำท่วมก็มีข้อควรปฏิบัติที่แนะนำดังต่อไปนี้
- อย่าดับเครื่องยนต์ทันที ควรจอดรถและสตาร์ตเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้น้ำในท่อไอเสียและความชื้นในห้องเครื่องระเหยออก
- เหยียบเบรกเบา ๆ หลายครั้ง เพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรกและจานเบรก เพื่อให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว กล่องฟิวส์ และกล่อง ECU หากพบความเสียหาย ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อทำการตรวจสอบ
- ทำความสะอาดภายในรถ นำพรมปูพื้นและเบาะที่เปียกน้ำออก เช็ดหรือดูดน้ำออกให้แห้งทันทีเพื่อป้องกันเชื้อราและกลิ่นเหม็น
- ล้างทำความสะอาดรถ ทั้งภายนอกและภายในห้องเครื่อง เพื่อป้องกันสนิมและคราบโคลนดินที่ติดตามตัวถังและชิ้นส่วนต่าง ๆ
- เปลี่ยนถ่ายของเหลวสำคัญ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และสารหล่อลื่นที่อาจปนเปื้อนน้ำ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบเครื่องยนต์และเกียร์ โดยเฉพาะหากขับรถลุยน้ำท่วมสูง
- ตรวจสอบระบบเบรกและชิ้นส่วนใต้ท้องรถ หากพบรอยรั่วหรือความเสียหายจากน้ำท่วม ควรนำรถเข้าศูนย์บริการทันที
- หากน้ำท่วมสูงถึงภายในห้องโดยสารหรือระบบไฟฟ้า ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาว
หากขับรถลุยน้ำท่วม แล้วรถพัง ประกันจ่ายไหม ?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า หากรถเสียหายเพราะขับรถลุยน้ำ ประกันจ่ายไหม ? ที่จริงแล้วขึ้นอยู่กับประเภทและเงื่อนไขของการทำประกันรถยนต์
กรณีทำประกันรถยนต์ชั้น 1
คุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วมทั้งกรณีที่จอดรถแล้วน้ำท่วม หรือขับรถลุยน้ำท่วม เว้นแต่ในกรณีว่ามีป้ายเตือนชัดเจนว่าน้ำท่วมสูง แต่ยังขับขี่เข้าไป
กรณีทำประกันชั้น 2+ และ 3+
บางกรมธรรม์อาจมีความคุ้มครองน้ำท่วมในบางกรณี ควรสอบถามรายละเอียดกับบริษัทประกันก่อนว่ามีความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมรวมอยู่หรือไม่
เพื่อความอุ่นใจในการเดินทางและความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งการขับขี่และการเกิดอุบัติเหตุ ทำประกันรถยนต์จาก gettgo จะช่วยให้คุณขับขี่อย่างมั่นใจ ช่วยดูแลทั้งค่าซ่อมแซมรถยนต์ที่เสียหายและค่ารักษาพยาบาล แต่หากว่าต้องการความอุ่นใจไม่เพียงแค่ในยามขับขี่รถยนต์เท่านั้น ขอแนะนำให้ซื้อประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและความเสียหายต่าง ๆ เพิ่มเติม ซื้อง่าย ผ่านเว็บไซต์ของ gettgo คุ้มครองทันที
สอบถามเพิ่มเติมผ่าน LINE OA: @gettgo หรือโทร. 02-111-7800
ข้อมูลอ้างอิง
- 5 Tips to Drive Through Flood Safety. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.bhpetrol.com.my/bhp-blog/5-tips-to-drive-through-flood-safely/