เข้าสู่ช่วงปลายปีอีกครั้งในเดือนตุลาคม นอกจากเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอยรายรับโบนัสก้อนโตแล้ว แต่ก็อย่าลืมว่ายังมีรายจ่ายอีกก้อนนึง ที่ชาวมนุษย์เงินเดือนต้องจ่าย นั่นก็คือ ภาษี เชื่อว่าหลายคนก็เตรียมวางแผนลดหย่อนภาษีเตรียมกันไว้บ้างแล้ว
อีกหนึ่งช้อยส์ยอดฮิตก็คือการซื้อประกันสุขภาพและประกันชีวิต หรือที่เราเรียกจนคุ้นหูว่าประกันลดหย่อนภาษี มาดูกันว่าต้องเลือกซื้อยังไงให้ยื่นลดหย่อนได้ จะได้ไม่ซื้อผิดกัน
จำนวนเงินเท่าไหร่ที่นำไปลดหย่อนได้ ? แบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ
1. ประกันชีวิตสุขภาพตัวเอง ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000.-
2. ประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท
*** 1. รวมกับ 2. ต้องไม่เกิน 100,000.- ***
ส่วนประกันอื่น ๆ ที่นำมาลดได้เหมือนกันก็คือ
3. ประกันสังคม ซึ่งของปีนี้ เพราะเขาลดให้เรื่องโควิด เลยลดหย่อนได้สูงสุด 5,100.-
4. ประกันชีวิตสุขภาพที่เราซื้อให้พ่อ แม่ ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกินคนละ 15,000.- (ไม่ได้คิดรวมกัน)
5. ประกันสุขภาพที่เราซื้อให้คู่สมรส (ถ้าคู่สมรสไม่มีรายได้) ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000.-
ต้องเลือกซื้อประกันลดหย่อนภาษีแบบไหน ที่ลดได้ชัวร์
1. ประกันภัยที่คุ้มครองค่ารักษา ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ จากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ
2. ประกันอุบัติเหตุ เฉพาะที่คุ้มครองค่ารักษา ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ และงกระดูกแตกหัก
3. ประกันภัยโรคร้ายแรง
4. ประกันภัยที่ดูแลระยะยาว
เวลายื่นแบบ สิ่งที่ต้องใช้คือหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันสุขภาพ ที่ปลายปีประกันจะออกให้ ถ้าไม่ได้รับ ก็อย่าลืมไปตามทวงเอานิดนึง เพราะไม่งั้นอาจเสี่ยงถูกสรรพากรเรียกตรวจได้
แล้วประกันชีวิตล่ะ ดูยังไง ?
1. ต้องคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไปเท่านั้น
2. ถ้ามีเงินคืนรายปี เงินคืนต้องไม่เกิน 20% ของค่าเบี้ยที่จ่ายรายปี
3. ถ้ามีเงินคืนเป็นช่วงเวลา เช่น เงินคืนทุก 3 ปี เงินคืนทุก 5 ปี เงินคืนต้องไม่เกิน 20% ของค่าเบี้ยที่จ่ายสะสมในช่วงเวลานั้น ๆ
และที่สำคัญประกันสุขภาพและประกันชีวิต ต้องซื้อจากบริษัทประกันที่จดทะเบียนในประเทศไทยเท่านั้น หากไปซื้อมาจากต่างประเทศจะไม่สามารถเอามายื่นได้ และเวลายื่นต้องมีหนังสือรับรองจ่ายค่าเบี้ยในปีนั้น ๆ ทั้งคู่
คราวนี้รู้เงื่อนไขแล้ว ก็วางแผนได้แล้ว อีกแค่ 80 วันเท่านั้น อย่าช้อปปลายปีเพลิน แบ่งเงินมาซื้อประกันลดหย่อนกันด้วยนะ