ประกันของเรา
บทความ
เกี่ยวกับ gettgo

ออกรถใหม่ป้ายแดงคันแรก ต้องรู้ !

ออกรถใหม่ป้ายแดงคันแรก ต้องรู้ !

การออกรถใหม่สักคันนับเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน เปรียบเสมือนของขวัญชิ้นโต ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง แต่คนที่ยังเป็นมือใหม่อาจยังไม่ทราบว่าการจะออกรถใหม่แต่ละครั้ง เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ต้องเตรียมเอกสารอะไรไปรับรถบ้าง ขั้นตอนอาจจะดูเยอะหลายสิ่ง แต่ในบทความนี้จะมาไขข้อสงสัยสิ่งที่ต้องรู้สำหรับการรับรถให้กับทุกคนเอง

วันออกรถใหม่ต้องทำอะไรบ้าง ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง

1. เตรียมเงินให้พร้อม วันออกรถใหม่ นอกจากเราจะได้รับรถแล้ว ยังเป็นวันที่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้วย


- เงินดาวน์และเงินค่าผ่อนงวดแรก : เราควรเตรียมเงินเอาไว้ให้ครบถ้วนทั้งค่าผ่อนงวดแรก และค่าเงินดาวน์ตามที่ตกลงเอาไว้ หรือบางคนอาจมีค่าอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมอีก
- ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน : รถทุกคันจะต้องจ่ายค่าจดทะเบียนนี้ แล้วแต่ว่าเราจะเป็นผู้ยื่นเรื่องเองหรือให้ศูนย์จำหน่ายทำเรื่องให้ หากให้ศูนย์ทำให้ก็อาจจะต้องจ่ายประมาณ 3,500-5,000 บาทขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น
- ค่ามัดจำทะเบียนป้ายแดง : การออกรถใหม่เราจะได้ป้ายทะเบียนป้ายแดงซึ่งเป็นแค่ป้ายชั่วคราวมาใช้ เราจึงต้องจ่ายค่ามัดจำประกันความเสียหาย ราคาอยู่ที่ 2,000 - 3,000 บาท และมารับคืนเมื่อได้รับป้ายทะเบียนจริงแล้ว
- ค่าเบี้ยประกันภัย : ปกติแล้วทางศูนย์ที่จัดจำหน่ายรถมักจะแถมประกันชั้น 1 ให้ในปีแรก หรือมากกว่านั้นตามที่ตกลง แต่หากทางศูนย์ไม่ได้แถมประกันมาให้เราควรตรวจสอบกับเซลล์และเตรียมเงินไปให้พร้อมว่าค่าเบี้ยประกันของเราอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อจะไม่เหมือนกัน

2. ตรวจเช็กสภาพรถ

a. ตรวจสอบภายนอกรถ


i. ตัวถัง : ปราการด่านแรกที่ควรตรวจสอบตอนออกรถใหม่ก็คือตัวถัง เราควรตรวจสอบว่ามีรอยบุบ รอยขีดข่วนใด ๆ ก่อนที่จะรับรถหรือเปล่า สีมีรอยสนิมไหม แล้วก็ควรตรวจสอบบานประตูต่าง ๆ ว่าสามารถเปิด - ปิด ได้ปกติหรือไม่ 
ii. ระบบไฟ : ไม่ว่าจะระบบไฟหน้า ไฟหรี่ ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟถอยหลัง ต้องตรวจสอบให้ครบว่าติดทุกดวงหรือไม่ และประตูอัตโนมัติที่มีระบบเซ็นเซอร์ก็ต้องตรวจสอบให้ดีว่าสามารถใช้งานได้จริงไหม
iii. ยางรถและล้อ : ยางที่ได้ก่อนออกรถควรเป็นยางใหม่ อย่าลืมตรวจสอบวันที่และปีที่ผลิตของยางให้เรียบร้อย


b. ตรวจสอบภายในรถ


i. ความเรียบร้อยภายในห้องโดยสาร : เบาะมีรอยขีดข่วนหรือรอยขาดหรือไม่ เพดานรถยนต์หรือตามส่วนต่าง ๆ ที่มีรอยเปื้อนไม่เรียบร้อยจากโรงงานหรือเปล่า
ii. ระบบเครื่องปรับอากาศ : ระบบแอร์ในรถทำงานได้ดีหรือไม่ มีกลิ่นผิดปกติหรือเปล่า หากมีช่องแอร์หลายตอนก็ควรดูด้วยว่าลมแอร์ออกครบทุกช่องหรือไม่ ตัวปรับอุณหภูมิใช้งานได้จริงไหม
iii. เครื่องเสียง : เดี๋ยวนี้ระบบเครื่องเสียงต่าง ๆ ในรถใหม่มักเชื่อมต่อกับโทรศัพท์สมาร์ตโฟนได้ เพราะฉะนั้นควรตรวจสอบตั้งแต่แรกว่าสามารถเชื่อมต่อได้จริงไหม ลำโพงดังครบทุกตัวหรือเปล่า
iv. พื้นห้องโดยสาร : เมื่อออกรถใหม่มักจะมีการปูพื้นยางเป็นพื้นของห้องโดยสารให้ ต้องตรวจสอบดูว่าทางโรงงานปูมาให้เราเรียบร้อยดีหรือเปล่า ไม่ควรจะมีรอยเปื้อนหรือรอยขาด
v. ระบบไฟ : ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ ไม่ว่าจะไฟภายในห้องโดยสาร เบาะไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝน ระบบกระจกมองข้างอัตโนมัติ ระบบล็อก ฯลฯ ต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีตรงไหนที่ชำรุดไหม ใช้ได้ครบถ้วนหรือเปล่า


c. ตรวจสอบห้องเครื่อง


ข้อนี้ก็สำคัญกับการออกรถใหม่เช่นกัน เพราะห้องเครื่องของรถใหม่ ควรจะอยู่ในสภาพที่ใหม่จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ก็ต้องเป็นของใหม่ สายไฟต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย


d. ตรวจของแถมหรืออุปกรณ์แต่งเสริม


ต้องตรวจสอบให้ดีว่าของแถมที่เคยสัญญากันไว้มีครบถ้วนไหม อยู่ในสภาพเรียบร้อยหรือเปล่า อย่างเช่นฟิล์มที่ติดรอบคัน ติดตั้งเรียบร้อยดีไหม สำหรับบางคนอาจซื้อชุดแต่งเพิ่มก็ต้องดูว่าสีของชุดแต่งตรงกับสีรถเราไหม มีร่องรอยความไม่เรียบร้อยตรงไหนหรือไม่

3. ตรวจเช็กเรื่องเอกสารเกี่ยวกับรถต่าง ๆ ต้องมีให้ครบ ดังนี้


- สมุดทะเบียนรถยนต์ : ข้อนี้นับว่าสำคัญมาก เพราะเป็นเหมือนสมุดแสดงตัวตนของรถเรา ภายในจะบอกเลขตัวถังของรถ ประวัติการเสียภาษี ประวัติการครอบครองรถ ฯลฯ
- เอกสารการโอนรถยนต์ พ.ร.บ.รถยนต์ เอกสารประกันรถยนต์
- สมุดคู่มือรถ
- เอกสารการเช่าซื้อรถยนต์จากทางไฟแนนซ์
- ใบเสร็จต่าง ๆ เช่น ใบเสร็จค่าเงินดาวน์ ใบเสร็จค่ามัดจำป้ายแดง
- เอกสารรับประกันกับทางศูนย์รถยนต์ เช่น เอกสารเช็กระยะ เอกสารรับประกันอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม

4. สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับสายมู ใครที่เชื่อเรื่องดวง หรือเป็นสายมูมักจะให้ความสำคัญกับฤกษ์การออกรถ ที่สำคัญเลยคือการไหว้แม่ย่านางรถเพื่อขอให้ท่านพาเราไปทุกที่ได้อย่างปลอดภัย โดยของที่ต้องเตรียมมีดังนี้


a. ผลไม้มงคล 5 อย่าง เช่น กล้วยหอมทอง ส้ม ทับทิม
b. ข้าวสาร 1 ถ้วย
c. น้ำ 1 แก้ว / ขวด ต้องเป็นน้ำใหม่
d. หมาก, พูล, ยาเส้นสีฟัน 3 คำ
e. ขนมมงคล เช่น ขนมเทียน ขนมสาลี่
f. ยาสูบ 3 มวน
g. ธูป 9 ดอก
h. ดอกไม้ติดกระจังหน้ารถ หรือพวงมาลัย


รถป้ายแดงคืออะไร ทำไมถึงต้องติดป้ายแดง

ป้ายทะเบียนที่เราจะได้หลังจากออกรถใหม่คือ “ทะเบียนป้ายแดง” ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนชั่วคราวที่ทางกรมขนส่งออกให้กับบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถสำหรับใช้ติดรถเพื่อนำส่งให้ลูกค้า หรือนำรถไปซ่อมแซมเท่านั้น โดยมีกฎคือ

- ป้ายแดงจะใช้ได้ไม่เกิน 30 วันนับจากวันรับรถเท่านั้น และต้องใช้ควบคู่กับสมุดคู่มือประจำรถ ดังนั้นระหว่างนี้เราต้องดำเนินการจดทะเบียนรถให้เรียบร้อย หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- ป้ายแดงจะใช้ขับได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น. หรืออนุโลมให้ได้ถึง 20.00 น. หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท โดยสามารถขับขึ้นทางด่วนได้ปกติ ไม่ได้มีข้อห้ามแต่อย่างใด ปกติแล้วเมื่อรับรถใหม่ เราจะได้สมุดบันทึกข้อมูลการใช้รถยนต์ หากมีการตรวจสอบ เราสามารถยื่นสมุดนี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาตามเหตุผลการใช้รถได้
- รถป้ายแดงห้ามขับรถข้ามจังหวัด โดยจะขับได้เฉพาะจังหวัดที่ระบุเอาไว้บนป้ายทะเบียนเท่านั้น หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

การดำเนินการจดทะเบียนรถใหม่

ในเมื่อเรารู้แล้วว่าป้ายแดงที่มาพร้อมกับการออกรถใหม่นั้นไม่ใช่ป้ายทะเบียนถาวร และใช้ได้เพียง 30 วันเท่านั้น ดังนั้นระหว่างนี้ เราต้องไปดำเนินการขอจดทะเบียนป้ายใหม่ให้เรียบร้อย หากใช้รถโดยไม่ได้จดทะเบียนจะต้องโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับเอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนรถใหม่ มีดังนี้

- หนังสือรับรองการส่งบัญชีรับและจำหน่ายรถ
- หนังสือรับรองการซื้อขายและแจ้งจำหน่ายรถยนต์
- หลักฐานการได้มาของรถ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี หรือสัญญาเช่าซื้อ
- หลักฐานการทำประกันภัยตามกฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ)
- หลักฐานประจำตัวเจ้าของรถ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล สำเนาหนังสือเดินทางและหนังสือรับรองถิ่นที่อยู่หรือการทำงานจากสถานทูต (กรณีที่เป็นชาวต่างชาติ)
- หนังสือแบบคำขอจดทะเบียนรถยนต์ (รับได้ที่กรมการขนส่งทางบก)

กรณีเจ้าของรถเป็นชาวต่างชาติ ต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมดังนี้

- ภาพถ่ายหนังสือเดินทาง ซึ่งได้รับการตรวจลงตราวีซ่าถูกต้องตามกฎหมาย
- หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่หรือหนังสือรับรองการทำงานจากสถานทูต สถานกงสุล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หน่วยราชการหรือองค์การระหว่างประเทศอย่างใดอย่างหนึ่ง

สำหรับขั้นตอนการจดทะเบียนรถสามารถดำเนินการได้ที่ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 2 ชั่วโมง ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

- ยื่นแบบคำขอจดทะเบียนรถที่กรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้ยื่นคำขอเรียบร้อยพร้อมหลักฐาน
- นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ที่งานตรวจสภาพรถยนต์
- ยื่นขอตัดบัญชีรถที่ส่วนควบคุมบัญชีรถและเครื่องยนต์ กรมการขนส่งทางบก
- ชำระค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปี ที่งานทะเบียนรถ
- รับใบเสร็จรับเงิน แผ่นป้ายทะเบียนรถ เครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี และใบคู่มือจดทะเบียนรถ


ประกันชั้น 1 มีความสำคัญอย่างไร

ส่วนมากแล้วเมื่อออกรถใหม่ ทางศูนย์ที่จำหน่ายมักจะทำประกันรถยนต์ชั้นหนึ่งมาให้เราด้วย ประกันชั้น 1 นี้ เป็นประกันประเภทที่ให้ความคุ้มครองครบถ้วนมากที่สุด ทั้งทรัพย์สิน คุ้มครองชีวิตของเราและคู่กรณี รวมถึงบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบ จึงเหมาะกับการคุ้มครองรถใหม่ป้ายแดง ที่ผู้ขับขี่อาจจะยังไม่ชำนาญทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้บ่อย การมีประกันชั้น 1 จึงช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก

วิธีเลือกซื้อประกันชั้น 1

หลังจากหมดปีแรกไปแล้ว หลายคนก็จะเริ่มมองหาประกันที่ใหม่ซึ่งอาจให้เบี้ยที่คุ้มกว่า การคุ้มครองครอบคลุมมากกว่า การจะเลือกซื้อประกันชั้น 1 ควรจะพิจารณาดังนี้

- ความคุ้มครองเปรียบเทียบกับเบี้ยประกัน : แน่นอนสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอันดับแรกก็คือความคุ้มครอง ต้องศึกษาเปรียบเทียบว่าแต่ละบริษัทให้การคุ้มครองอะไรบ้าง ครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน คุ้มค่ากับเบี้ยหรือไม่ 
- บริษัทประกันที่ไว้ใจได้ : จะซื้อประกันรถยนต์ที่เราต้องฝากผีฝากไข้ไปในระยะยาวก็ต้องเป็นบริษัทที่เชื่อถือได้ให้เรามั่นใจได้ว่าจะไม่ทิ้งเราไว้กลางทางหากเกิดปัญหาขึ้นมา
- การบริการ : เมื่อเกิดเหตุแล้วจะต้องติดต่อได้ มาถึงสถานที่เกิดเหตุได้รวดเร็ว ยิ่งถ้าเป็นบริษัทที่ให้บริการในกรณีฉุกเฉินได้แบบ 24 ชั่วโมงจะยิ่งดีมาก

รถที่ยังผ่อนอยู่ไม่ทำประกันชั้น 1 ได้หรือไม่

คำตอบคือ “ได้” เพราะการทำประกันรถยนต์กับบริษัทประกัน เป็นการทำประกันแบบสมัครใจ ผู้เอาประกันสามารถเลือกประเภทประกันที่เหมาะกับตัวเองได้ เช่น หากอยากได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมสูงสุด ก็ต้องชั้น 1 แต่บางคนอาจสู้กับค่าเบี้ยไม่ไหว หรือความเสี่ยงอุบัติเหตุน้อย ก็อาจลดมาเลือกที่ประเภท 2+ หรือ 3+ ก็ได้เหมือนกัน แน่นอนว่าการเลือกประกันรถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเองย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
 

บทความที่คุณอาจสนใจ

ถอยรถชนรั้ว ขับชนเสาไฟฟ้า ต้องเคลมประกันยังไง เมื่อไร้คู่กรณี???
รถหาย หรือ รถถูกขโมย ต้องทำอย่างไร ?
รถยนต์ไฟฟ้า EV มีกี่ประเภท? พร้อมวิธีเลือกซื้อฉบับมืออาชีพ
ความคุ้มครอง ประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2+ ประกันชั้น 2 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี ประกันชั้น 3+ ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี
รถชน(ไม่มีคู่กรณี)
รถชน(มีคู่กรณี)
ค่ารักษาพยาบาล
รถยนต์สูญหาย
ไฟไหม้
น้ำท่วม

เข้าสู่ระบบ

หากยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ กรุณา สมัครสมาชิก

 

สมัครสมาชิก

หากเป็นสมาชิกอยู่แล้วกรุณา ลงชื่อเข้าใช้งาน

Loading..

กำลังดำเนินการ กรุณารอสักครู่ค่ะ 😊