ประโยคนี้ ไม่มีใครอยากเป็นคนพูดแน่นอน แต่จะทำอย่างไรล่ะหากต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ที่เราเองก็ไม่เคยคิด ไม่เคยได้เตรียมตัวมาก่อน ยิ่งหากเดินทางคนเดียว บางคนอาจถึงกับน้ำตาตกเพราะไม่รู้ต้องทำยังไง ต้องไปแจ้งอะไรที่ไหน
อย่าเพิ่งตกใจไป! เรามาดูกันดีกว่าว่ามีขั้นตอนอะไรบ้างที่สามารถช่วยเราได้หากกระเป๋าเดินทางเราหายที่สนามบิน
1. ให้ แจ้งเรื่องที่เคาน์เตอร์ Lost & Found ซึ่งแต่ละสนามบินจะมีแผนกนี้ให้บริการอยู่ใกล้กับจุดรับกระเป๋า หรือเราสามารถแจ้งกับเคาน์เตอร์ของสายการบินสายสุดท้ายที่เรานั่งมาได้เลยเช่นกัน
2. แสดงหมายเลข tag ติดกระเป๋าพร้อมรูปกระเป๋า (หากมี) พร้อมตั๋วเดินทาง และสำเนาพาสปอร์ตเพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักฐานในการตามเรื่อง
3. หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูล และสามารถยืนยันสถานะของกระเป๋าได้แล้วว่าหาไม่เจอจริงๆ ทางสายการบินจะออก PIR (Property Irregularity Report) ให้ ในนั้นจะมีหมายเลข reference number ซึ่งสำคัญมาก ถึงแม้ว่าใบ PIR จะหายไปแล้วแต่ถ้ายังคงจำเลขนี้ได้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังสามารถใช้เลขนี้ดึงข้อมูลจากในระบบได้ ตัวอย่างของ reference number จะมีเหมือนกันทั่วโลกคือ STATION/AIRLINE/Case number ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ของสายการบินจะทำการประสานงานตรวจสอบกับหน่วยต่างๆ และจะติดต่อเรามาอีกทีเพื่อแจ้งผลให้ทราบหลังจาก 21 วัน ซึ่งหากเลย 21 วันไปแล้ว ทางสายการบินจะถือว่ากระเป๋าใบนั้นได้สูญหายจริง และจะดำเนินเรื่องชดใช้ค่าเสียหายให้เรา
หากพูดถึงในเรื่องของการชดเชยค่ากระเป๋าที่สูญหายไปนั้น ทางสายการบินส่วนใหญ่จะตีราคาออกมาต่ำกว่าราคาจริง ซึ่งเค้าถือว่าเป็นของที่ใช้แล้ว หากเราได้ซื้อประกันการเดินทางไว้ด้วย ทางประกันจะช่วยออกค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆตามเงื่อนไขของประกันที่เราซื้อไว้ ถ้าเกิดมีของที่เพิ่งซื้อมาใหม่และอยู่ในกระเป๋าใบที่สูญหายไปนั้น ให้แสดงใบเสร็จให้เจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อที่เค้าจะนำมาประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกระเป๋าใบนั้นๆอีกครั้งหนึ่ง แต่แน่นอนว่าให้ทำใจไว้เลยว่า ค่าชดเชยที่เราได้ อาจจะไม่ตรงกับความต้องการเราเสียทีเดียว และสายการบินมักจะไม่ครอบคลุมถึงสิ่งของที่ขึ้นรายการว่าเป็น “สิ่งของมีค่า” หรือ สิ่งของที่ “หมดอายุได้”
ข้อแนะนำเล็กน้อยในการเตรียมตัวก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนต่างๆสะดวกขึ้น
1. ไม่ใส่รวมของมีค่าไว้ในกระเป๋าเดินทางใบเดียว เพราะหากใบนั้นหายไป รับรองว่าสายการบินไม่รับผิดชอบต่อสิ่งของด้านในในมูลค่าเต็มจำนวนแน่ๆ ให้นำของมีค่าใส่กระเป๋า carry on ติดตัวขึ้นเครื่องจะดีกว่า หรือแยกใส่กระเป๋าเดินทางหลายๆใบหากเดินทางกันหลายคนเพื่อกระจายความเสี่ยง
2. ถ่ายรูป tag ติดกระเป๋า รูปลักษณะกระเป๋า ร่องรอยหรือเครื่องหมายที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบได้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้น
3. เก็บเอกสารและจดข้อมูลต่างๆที่สำคัญติดตัวไว้ เช่น หมายเลขการจองห้องพัก เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินสำหรับการติดต่อ หรือเบอร์โทรศัพท์ของโรงแรมที่เราจะเข้าพัก เป็นต้น เพราะหากทุกอย่างหายไปพร้อมกระเป๋า งานนี้ไม่สนุกแน่นอน
เห็นขนาดนี้แล้ว บางคนอาจกังวลจนกลายเป็นไม่อยากเดินทางไปเลยก็ว่าได้ หลายๆคนอาจมองข้ามความสำคัญของการทำประกันการเดินทาง เพราะคิดว่าคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก แต่ใครจะไปรู้อนาคตได้ล่ะจริงไหม อยากให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการทำประกันการเดินทางกันสักนิด เพราะอย่างน้อยถือเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ วันดีคืนดีหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับเรา รับรองว่าจะช่วยให้อุ่นใจขึ้นแน่นอน