ปี 2561 ผ่านมาหลายเดือน ดูปฏิทินหลายทีแล้ว มีวันหยุดยาว ๆ แต่ไม่มีใครว่างไปกับเราสักที นั่นก็งานรุมเร้า นู่นก็ไม่สะดวก นี่ก็ต้มมาม่ากินประทังชีวิตอยู่ ครั้นจะรอเพื่อนฝูงพร้อมหน้าก็ไม่รู้จะต้องร้องเพลง “รอแล้วได้อะไร” อีกกี่ครั้ง แต่จะลุยไปคนเดียว ก็กลัวจะตกม้าตายตั้งแต่ด่านตม. ถ้าใครอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ ลองมาดูเทคนิคเตรียมตัวฉายเดี่ยวเที่ยวต่างประเทศกันมั้ยครับ? รับรองเลยว่าผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบชิลๆแน่นอน
- เอกสารพร้อม ถูกต้อง ทำสำเนาด้วยก็ดีนะ
- ห้ามลืมพาสปอร์ตเด็ดขาด ขอร้องล่ะครับ ไปเที่ยวทั้งที ใครที่ลืมพาสปอร์ตนี่มันน่าตีมือจริง ๆ ใครกลัวว่า เตรียมตัวยุ่ง ๆ แล้วจะลืม ตั้ง notification ในมือถือเอาไว้เลยดีกว่า
- ประเทศไหนที่ต้องขอวีซ่า เพื่อน ๆ ควรขอกันตั้งแต่เนิ่น ๆ นะครับ สถานทูตแต่ละแห่งอาจขอเอกสารที่แตกต่างกันออกไป ทำเช็กลิสต์ไว้ก่อนก็ดี และที่อยากให้ยื่นตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเขาใช้เวลาระยะหนึ่งในการตรวจเช็ก หากวีซ่าไม่ผ่านขึ้นมา เราจะได้พอมีเวลาเตรียมเอกสารใหม่แล้วไปยื่นอีกครั้งไงล่ะ
- แผนเที่ยวควรมีไว้ จะทำใส่ตาราง Excel แล้วปริ๊นท์ออกมา หรือเขียนโน้ตด้วยลายมือลงกระดาษขำ ๆ ก็ได้ เอาให้ตอบได้ว่าแต่ละวันเราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง (อย่างน้อยบอกชื่อเมืองได้ก็ยังดี) และพักที่ไหน
- ใบจองเที่ยวบินไป-กลับ เอกสารนี้เหมือนเป็นตัวพิสูจน์ว่า เราไปเยี่ยมประเทศเขาแป๊บเดียว ไม่นานก็กลับแล้ว
- ใบจองโรงแรมช่วยชีวิตได้หลายครั้งนะครับ เพราะมันเป็นหลักฐานว่าเราไปครั้งนี้มีที่นอนแล้วนะ บวกกับเรามีเงินที่สามารถจ่ายค่าที่พักได้ ไม่ได้จะไปเป็นโรบินฮู้ดแน่นอน
- เอกสารสำคัญ ๆ แนะนำให้เพื่อน ๆ ทำสำเนาสักชุดหรือสองชุดนะครับ อย่างตัวผมเองมักจะเก็บติดตัวไว้ชุดนึง อีกชุดใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ใช้เทคนิคแบ่งเก็บหลาย ๆ ที่เหมือนเวลาที่เก็บเงินนั่นแหละ
- ใส่ใจกับใบตม.สักนิด อยู่บนเครื่อง ถ้ามีเวลาก็เขียนไปก่อนเลยครับ รูปแบบใบตม.เราเสิร์ชดูได้จากอินเทอร์เน็ตนะครับ ทำแบบนี้ ตอนลงจากเครื่อง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปยืนกรอกข้อมูล ผมนี่เคยพลาดหนนึง กรอกเสร็จเงยหน้าขึ้นมา แถวยาวเป็นงูเลื้อยเลย สรุปกว่าจะผ่าน ตม.ได้ก็ชั่วโมงกว่า ๆ เสียดายเวลาเที่ยวเลยล่ะครับ
- แต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
- โอเค เราอาจจะอยากแต่งตัวสบาย ๆ เพราะนี่คือการไปเที่ยว ไม่ได้ไปสัมภาษณ์งาน แต่ควรแต่งตัวให้ดูดี อาจไม่ต้องถึงกับใส่สูทเนี้ยบเป็นเจมส์ บอนด์ แต่อย่างน้อยขอให้สะอาดสะอ้าน รัดกุม ไม่มาสายชิลเกินไปหรือวาบหวิวเกินงาม
- ทีนี้มาเรื่องรองเท้าบ้าง ในขั้นตอนการสแกนสัมภาระและร่างกาย บางสนามบินจะให้ถอดรองเท้านะครับ สำหรับสมาคมคนรักผ้าใบและสนีกเกอร์ หรือรองเท้าบู๊ตผู้หญิง ผมเห็นบางที่ก็ให้ถอดด้วยเช่นกัน การใส่รองเท้าแบบถอดง่าย ๆ ไปก็จะช่วยเซฟเวลาตรงนี้ได้ นิดนึงสำหรับสาว ๆ ที่ติดใส่ส้นสูง ถ้าต้องนั่งไฟลท์ยาว ๆ ก็เอาไว้ก่อนดีกว่า ไม่งั้นจะเมื่อยขาเปล่า ๆ แพ็คส้นสูงคู่โปรดลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ แล้วไปเปลี่ยนใส่ถ่ายรูปสวย ๆ ที่นู่นดีกว่า เป็นห่วงนะ อิๆ
- มั่นใจ ตอบฉะฉาน ไม่หลบตา
- เราไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษแบบพูดปร๋อ แต่พอพูดได้และรู้บางรูปประโยคก็ดีครับ เพราะเจ้าหน้าที่ตม.อาจถามอะไรทั่วไป เช่น มาทำอะไร มากับใคร มาครั้งแรกหรือเปล่า พักที่ไหน ทำนองนี้ ซึ่งถ้าเราอึกอัก ๆ เขาอาจมองว่า มีพิรุธนะครับ ถ้ายังไงลองฝึกไปนิดหน่อย สำเนียงไม่ต้องเป๊ะ แต่ขอแค่สื่อสารเข้าใจกันก็พอ
- ที่สำคัญ เวลาตอบ อย่าหลุกหลิก อย่าหลบตา เรามาเที่ยว ไม่ได้มาทำอะไรผิดนี่เนอะ (เดี๋ยวนี้ บางตม.จะสุ่มถาม ถ้าไม่โดน ก็เดินหล่อ ๆ สวย ๆ เข้าประเทศได้เลย)
- มอง “ห้องเย็น” เป็นห้องสัมภาษณ์
- ถ้าทำตามข้างต้นแล้ว ยังไม่วายโดนเรียกเข้าห้องเย็น ซึ่งไม่ใช่ห้องฟรีซหรืออะไร แม้ความหนาวของแอร์และความเงียบของห้องเย็นอาจจะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรือประหม่าไปบ้าง แต่ขอให้คิดซะว่าเป็นแค่ห้องสัมภาษณ์ที่เขาจะมาถามนั่นนู่นนี่กับเรา เสร็จแล้วก็ปล่อยเราออกมาคุยกับเพื่อน ๆ ได้ว่า เนี่ย ๆ โดนเรียก แต่รอดออกมาได้นะ ที่สำคัญคือ อย่าเพิ่งชักสีหน้าหรือหัวเสียไปนะครับ เพราะการเข้าห้องเย็น ถ้าไปช่วงพีค คุณจะต้องรอคิวเข้าสัมภาษณ์ ทำให้เสียเวลาเที่ยว แต่เจ้าหน้าที่เขาก็ทำตามหน้าที่กันน่ะครับ
ทำตามเทคนิคนี้ รับรองว่า ได้เที่ยวเดี่ยวแบบปัง ๆ ไม่พังพินาศอย่างแน่นอน ใครอยากไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตที่ไหน ถ้ายังไงก็อย่าลืมซื้อประกันการเดินทางไปด้วยนะครับ จะได้เที่ยวสบาย ๆ แบบไร้กังวลกันไปเลย