ประกันของเรา
บทความ
เกี่ยวกับ gettgo

รอบรู้เรื่อง ‘ตรวจสภาพรถ ตรอ.’ อธิบายครบ เข้าใจง่าย

ถ้าคุณเคยขับรถไปตามท้องถนน เชื่อว่าคงเคยสังเกตเห็นป้ายที่เขียนว่า ‘ตรอ.’ติดอยู่หน้าอาคารพร้อมคำว่า ‘ตรวจสภาพรถ’ กันอย่างแน่นอน แต่เคยสงสัยไหมว่า ‘ตรอ.’ คืออะไร ? แล้วทำไมถึงต้องมี ? ดังนั้น บทความนี้จึงจะช่วยให้คุณเข้าใจทุกแง่มุมเกี่ยวกับ ตรอ. ตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ ไปจนถึงขั้นตอนการตรวจสภาพรถอย่างละเอียด เพื่อให้ทุกคนที่เป็นเจ้าของรถได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถอย่างครบถ้วน

 

พนักงานกำลังตรวจสภาพรถตามกฎระเบียบ

ตรอ. คืออะไร และทำไมต้องตรวจสภาพรถ ?

ตรอ. ย่อมาจาก สถานตรวจสภาพรถเอกชน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกให้ดำเนินการตรวจสภาพรถยนต์และจักรยานยนต์ตามมาตรฐานที่กำหนด จุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่อยู่ไกลจากสำนักงานขนส่ง โดยการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ช่วยลดความยุ่งยากในการเดินทาง และยังสะดวกสบายมากขึ้น

การตรวจสภาพรถไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังเป็นกระบวนการที่ช่วยให้รถของคุณมีความพร้อมใช้งาน และมั่นใจได้ว่าอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย เช่น ระบบเบรกและล้อยังใช้งานได้ดี หรือค่ามลพิษไม่เกินมาตรฐานที่กำหนด ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รถประเภทไหนบ้างที่ต้องตรวจสภาพ ?

การตรวจสภาพรถมีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับรถประเภทต่าง ๆ ตามอายุการใช้งาน ดังนี้

- รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง : เมื่อใช้งานครบ 7 ปี 

- รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง : เมื่อใช้งานครบ 7 ปี 

- รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล : เมื่อใช้งานครบ 7 ปี 

- รถจักรยานยนต์ : เมื่อใช้งานครบ 5 ปี 

- รถที่ขาดการต่อทะเบียนเกิน 1 ปี 

เมื่อรถถึงอายุที่กำหนด การตรวจสภาพรถเป็นสิ่งที่เจ้าของรถต้องดำเนินการเพื่อให้สามารถต่อทะเบียนประจำปีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

รถแบบไหนที่ตรวจสภาพที่ ตรอ. ไม่ได้ ?

ถึงแม้ ตรอ. จะเป็นสถานที่ที่สะดวกสำหรับการตรวจสภาพรถยนต์และจักรยานยนต์โดยส่วนใหญ่ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาเช่นกัน เนื่องจากรถบางประเภทหรือรถที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงบางอย่างไม่สามารถตรวจสภาพที่ ตรอ. ได้ ทั้งนี้เพื่อให้การตรวจสภาพเป็นไปตามมาตรฐาน และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการตรวจสอบ โดยกรณีที่ตรวจสภาพไม่ได้ มีดังนี้

1. รถที่มีการดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพจากเดิม 

กรณีที่รถของคุณได้รับการดัดแปลง เช่น การเปลี่ยนสีตัวถัง เปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือปรับแต่งรถเพื่อการใช้งานที่แตกต่างไปจากสภาพเดิม จะไม่สามารถตรวจสภาพที่ ตรอ. ได้ คุณจำเป็นต้องนำรถไปตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่งโดยตรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและบันทึกการเปลี่ยนแปลงในทะเบียนรถ

2. รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์

รถที่เลขตัวถังหรือเลขเครื่องยนต์ไม่ชัดเจน หรือมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะไม่สามารถตรวจสภาพที่ ตรอ. ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความถูกต้องของเอกสารและข้อมูลทะเบียนรถ ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่ขนส่งเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ

3. รถที่ขาดการต่อทะเบียนเกิน 1 ปี

หากรถของคุณไม่ได้ต่อทะเบียนประจำปีมาเป็นเวลานานเกิน 1 ปี จะต้องตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่งเท่านั้น

4. รถที่มีเลขทะเบียนรุ่นเก่า 

รถที่มีทะเบียนลักษณะพิเศษ เช่น กท-00001 หรือ กทจ-0001 ซึ่งเป็นเลขทะเบียนรุ่นเก่า ต้องตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่งเช่นเดียวกัน เนื่องจากข้อมูลทะเบียนรถยังไม่ได้ปรับเข้าสู่ระบบปัจจุบัน

5. รถที่เกี่ยวข้องกับการถูกโจรกรรมและเพิ่งได้รับคืน

ถ้ารถของคุณเคยเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการถูกโจรกรรม การตรวจสภาพจะต้องดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง เพื่อให้แน่ใจว่ารถคันนั้นผ่านการตรวจสอบเอกสารและข้อเท็จจริงทุกประการ

เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อตรวจสภาพ

การตรวจสภาพรถที่ ตรอ. นั้นไม่ได้ยุ่งยากเลย โดยสิ่งที่ต้องเตรียมไปนอกจากตัวรถแล้วก็มีเพียง เล่มทะเบียนรถ หรือสำเนาทะเบียนรถ เท่านั้น และเมื่อการตรวจสภาพเสร็จสิ้นและผ่านเกณฑ์ คุณจะได้รับ ใบรับรองการตรวจสภาพรถ ซึ่งใช้ในการต่อทะเบียนประจำปีได้ โดยใบรับรองนี้มีอายุ 3 เดือนนับจากวันที่ตรวจ

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ.

1. การตรวจสอบข้อมูลรถ

เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลที่สำคัญ เช่น หมายเลขทะเบียน เลขตัวถัง และเลขเครื่องยนต์ของรถ โดยเปรียบเทียบกับข้อมูลในเล่มทะเบียนหรือสำเนาทะเบียนรถ เพื่อยืนยันว่ารถคันดังกล่าวมีเอกสารครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมาย

2. การตรวจสภาพภายในรถ

- ตรวจสอบเบาะที่นั่งให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี 

- ตรวจสอบเข็มขัดนิรภัยว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

- ระบบไฟในห้องโดยสาร 

3. การตรวจสภาพภายนอกรถ

- กระจกมองข้างและกระจกหน้าต่างต้องไม่มีรอยแตกร้าว 

- ระบบไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟเบรก ต้องอยู่ในสภาพใช้งานได้ 

- สีตัวถังรถและชิ้นส่วนภายนอกต้องไม่มีความเสียหายที่ส่งผลต่อการใช้งาน 

4. การตรวจตัวถัง ล้อ และยาง

- ตรวจสอบโช้กอัพ ระบบกันสะเทือน และส่วนใต้ท้องรถ เช่น เพลาขับ 

- ล้อและยางต้องมีดอกยางที่เพียงพอ และไม่มีรอยฉีกขาดหรือสึกหรอจนเกินไป 

5. การตรวจระบบเบรกและศูนย์ล้อ

- ทดสอบระบบเบรกทั้งหน้าและหลังว่าทำงานได้สมบูรณ์ 

- ศูนย์ล้อและพวงมาลัยต้องอยู่ในสภาพที่ไม่บิดเบี้ยวหรือเสียสมดุล 

6. การตรวจระบบไฟและแสงสว่าง

- ตรวจสอบไฟหน้า ไฟตัดหมอก ไฟฉุกเฉิน และไฟสัญญาณต่าง ๆ ว่าทำงานได้ดี 

- การปรับตั้งระดับไฟหน้าไม่สูงหรือต่ำเกินไป 

7. การตรวจค่ามลพิษและควันดำ 

- วัดค่ามลพิษ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์และไฮโดรคาร์บอนในไอเสียที่รถปล่อยออกมา 

- ตรวจสอบควันดำในรถที่ใช้น้ำมันดีเซล เพื่อให้มั่นใจว่าปริมาณควันดำไม่เกินค่ามาตรฐาน 

8. การตรวจระดับเสียงไอเสีย

วัดระดับเสียงที่เกิดจากการทำงานของเครื่องยนต์และไอเสีย เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยและไม่รบกวนผู้อื่นบนท้องถนน 

9. การรับใบรายงานผล

หลังการตรวจเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จะออกใบรายงานผลการตรวจสภาพรถ ซึ่งจะแสดงผลว่ารถผ่านการตรวจหรือไม่ หากผ่าน เจ้าของรถจะได้รับใบรับรองการตรวจสภาพรถเพื่อนำไปใช้ประกอบการต่อทะเบียนประจำปี

 

ช่างกำลังตรวจสภาพรถตามข้อกำหนดของ ตรอ

 

ค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถ

การตรวจสภาพรถที่ ตรอ. มีค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนและแบ่งตามประเภทของรถยนต์และจักรยานยนต์ ดังนี้

1. รถจักรยานยนต์

 ค่าตรวจสภาพรถสำหรับรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 60 บาท

2. รถยนต์ที่น้ำหนักไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม 

สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม การตรวจสภาพรถที่ ตรอ.จะมีราคาอยู่ที่ 200 บาท ซึ่งเหมาะสมกับมาตรฐานการตรวจที่ครอบคลุมทุกส่วนสำคัญ

3. รถยนต์ที่น้ำหนักเกิน 2,000 กิโลกรัม

ในกรณีที่รถยนต์มีน้ำหนักเกิน 2,000 กิโลกรัม เช่น รถกระบะหรือรถบรรทุกขนาดเล็ก ค่าตรวจสภาพรถจะอยู่ที่ 300 บาท

ทำอย่างไรหากตรวจสภาพไม่ผ่าน ?

กรณีที่รถของคุณไม่ผ่านการตรวจสภาพ ตรอ. จะระบุข้อบกพร่องและแนะนำวิธีแก้ไข เช่น

- ระบบเบรกทำงานไม่ดี 

- ค่ามลพิษหรือควันดำเกินมาตรฐาน 

- ไฟไม่ติดหรือแสงไม่เพียงพอ 

หลังจากแก้ไขปัญหา คุณสามารถนำรถกลับมาตรวจซ้ำภายใน 15 วัน โดยเสียค่าบริการเพียงครึ่งเดียว แต่หากเกิน 15 วันหรือนำรถไปตรวจที่ ตรอ. อื่น จะต้องเสียค่าบริการเต็มจำนวน

การตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย แต่ยังเป็นการดูแลรถให้พร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย การเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งในด้านเอกสารและสภาพรถ จะช่วยให้กระบวนการตรวจสภาพราบรื่น และนอกจากการตรวจสภาพรถแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันถ้าอยากใช้รถอย่างอุ่นใจคือการทำประกันรถยนต์ ซึ่งสำหรับผู้ที่มองหาประกันรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นชั้น 1 ชั้น 2+ หรือประกันภาคบังคับ สามารถเข้ามาเช็กราคาประกันภัยรถยนต์และเปรียบเทียบกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ได้ที่ gettgo เว็บไซต์ที่ช่วยให้การเลือกประกันรถยนต์เป็นเรื่องง่ายและสะดวกในไม่กี่ขั้นตอน

หากสนใจหรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ติดต่อสอบถามได้ผ่านช่องทาง โทร. 02-111-7800 หรือ LINE OA: @gettgo

ข้อมูลอ้างอิง

  1. กรมการขนส่งทางบกมีหน้าที่รับผิดชอบการตรวจสภาพรถ. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 จาก https://ubon.dlt.go.th/JobOject/troesapab.html 

บทความที่คุณอาจสนใจ

ออกรถใหม่ป้ายแดงคันแรก ต้องรู้ !
เผย 5 สาเหตุที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็น เปิดมามีแต่ลม
ต่อประกันล่วงหน้ากันดีกว่า  อย่าชะล่าใจไป เพราะรู้อะไรก็ไม่เท่ารู้งี้
ความคุ้มครอง ประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2+ ประกันชั้น 2 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี ประกันชั้น 3+ ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี
รถชน(ไม่มีคู่กรณี)
รถชน(มีคู่กรณี)
ค่ารักษาพยาบาล
รถยนต์สูญหาย
ไฟไหม้
น้ำท่วม

เข้าสู่ระบบ

หากยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ กรุณา สมัครสมาชิก

 

สมัครสมาชิก

หากเป็นสมาชิกอยู่แล้วกรุณา ลงชื่อเข้าใช้งาน

Loading..

กำลังดำเนินการ กรุณารอสักครู่ค่ะ 😊

ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    ข้าพเจ้ายินยอมให้บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด  (“บริษัท”)
เก็บรวบรวมใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าเพื่อการนำเสนอโปรโมชั่น สิทธิพิเศษ ข่าวสาร ผลิตภัณฑ์ บริการ จากบริษัท รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติจากบริษัท และ/หรือบริษัทในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจ และเพื่อโอกาสที่ข้าพเจ้าจะได้รับข้อเสนอ บริการพิเศษ โปรโมชั่น หรือผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างเหมาะสมจากบริษัทในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจ ข้าพเจ้ายินยอมให้เปิดเผยข้อมูลของข้าพเจ้าให้แก่บริษัทดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์ตลอดจนการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์และบริการ 

การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล 

    ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
    บริษัทจะดำเนินการอย่างดีที่สุดในการรักษาความลับและดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย คุณสามารถเลือกให้หรือไม่ให้ความยินยอมโดยไม่มีผลต่อการพิจารณาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เว็บไซต์ https://gettgo.com/privacy-policy
ทั้งนี้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการให้ความยินยอมได้ โดยติดต่อเราที่ email : dpo-office@mtb.co.th หรือโทร 02-693-2775 (DPO)
     การที่คุณยอมรับตามด้านล่างนี้ถือว่าคุณได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น