ไม่ว่าคุณจะขับรถไปทำงาน หรือเดินทางไกลในวันหยุด การดูแลลมยางให้เหมาะสมคือสิ่งเล็ก ๆ ที่ส่งผลใหญ่ต่อทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของรถยนต์ เพราะแรงดันลมที่พอดีจะช่วยให้รถเกาะถนนดีขึ้น เบรกมั่นใจ ประหยัดน้ำมัน และลดโอกาสยางสึกเร็วกว่าที่ควร บทความนี้จะพาคุณไปรู้วิธีเติมลมยางรถอย่างถูกต้อง พร้อมเทคนิคเช็กแรงดันลมด้วยตัวเอง เพื่อให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจทุกครั้งที่ออกเดินทาง
ความสำคัญของการเติมลมยางรถยนต์อย่างถูกต้อง
แรงดันลมยางที่เหมาะสม เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสมรรถนะของรถยนต์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยึดเกาะถนน ความสามารถในการเบรก หรือแม้กระทั่งอัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน การเติมลมรถอย่างถูกต้อง จึงเป็นส่วนหนึ่งของความปลอดภัยในการขับขี่ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม
- หากเติมลมน้อยเกินไป จะทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ต้องใช้แรงเครื่องยนต์มากขึ้น และกินน้ำมันมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ยางสึกหรอเร็วกว่าที่ควร โดยเฉพาะบริเวณขอบด้านนอก และที่สำคัญคือ เสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิด โดยเฉพาะในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
- หากเติมลมมากเกินไป ยางจะมีความแข็ง ทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลง ส่งผลให้ควบคุมรถได้ยากขึ้นในบางสถานการณ์ เช่น เข้าโค้ง หรือเบรกกะทันหัน และยังทำให้ยางสึกหรอเร็วกว่าปกติอีกด้วย
การเติมลมรถในระดับที่เหมาะสม จึงไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง และเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนยางในระยะยาวอีกด้วย
เติมลมรถเท่าไหร่ดี ?
การเติมลมรถที่เหมาะสม ควรดูจากคำแนะนำของผู้ผลิตรถ ซึ่งมักระบุไว้ที่เสากลางประตูฝั่งคนขับ หรือในคู่มือรถ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีค่าเฉลี่ยดังนี้
- เติมลมรถเก๋ง ปกติอยู่ที่ 25-30 ปอนด์ แล้วแต่รุ่นรถและจำนวนผู้โดยสาร
- เติมลมรถกระบะ ถ้าบรรทุกหนักควรเติม 35-55 ปอนด์ โดยเฉพาะล้อหลัง
- เติมลมยางมอเตอร์ไซค์ สำหรับมอเตอร์ไซค์ทั่วไปจะอยู่ที่ 25 ปอนด์ สำหรับล้อหน้า และ 30 ปอนด์ สำหรับล้อหลัง
ทั้งนี้ ควรเติมลมยางรถยนต์ขณะยางเย็น เพื่อให้ได้ค่าความดันที่แม่นยำที่สุด โดยควรเติมตอนเช้าก่อนออกเดินทาง หรือหลังจอดรถทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
วิธีเช็กแรงดันลมยางด้วยตนเอง
การตรวจเช็กแรงดันลมยาง ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงศูนย์บริการเสมอไป เพราะเราสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน หรือระหว่างแวะปั๊ม โดยมีขั้นตอนดังนี้
ใช้เกจวัดลมยางแบบพกพา
เกจวัดลมยางแบบพกพา เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่หาซื้อได้ทั่วไป ใช้งานสะดวก เพียงเสียบอุปกรณ์เข้าที่จุกลม ก็จะรู้ค่าแรงดันที่แท้จริงทันที ควรพกติดรถไว้เสมอ
ตรวจสอบหน้ายาง
อีกหนึ่งวิธีเช็กแรงดันลมยางง่าย ๆ คือ การสังเกตว่าหน้ายางเรียบเสมอกันหรือไม่ หากมีรอยสึกผิดปกติ หรือด้านใดด้านหนึ่งสึกเร็วกว่าปกติ อาจบ่งบอกถึงแรงดันลมที่ไม่สมดุล
สังเกตไฟเตือนลมยาง (TPMS)
สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มักมีระบบตรวจสอบแรงดันลมยางอัตโนมัติ หากพบว่าบนหน้าปัดมีสัญลักษณ์รูปวงกลมหรือเครื่องหมายตกใจปรากฏขึ้น ควรหยุดรถและตรวจสอบทันที
ทั้งนี้ เจ้าของรถควรตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือเช็กทุกครั้งก่อนเดินทางไกล เพราะแรงดันลมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพอากาศ การใช้งาน และอุณหภูมิของยาง ซึ่งการตรวจเช็กเพียงไม่กี่นาที อาจช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหายางรั่ว ยางระเบิด และลดค่าใช้จ่ายจากการเปลี่ยนยางรถยนต์เร็วกว่ากำหนดได้ในระยะยาว
ข้อควรระวังในการเติมลมยางรถยนต์
- หลีกเลี่ยงการเติมลมหลังจากขับรถมานาน เพราะอุณหภูมิของยางที่สูงขึ้น จะทำให้ค่าที่อ่านได้สูงกว่าความจริง
- ควรเติมลมอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงล้ออะไหล่ (ยางสำรอง) เพื่อความพร้อมในการใช้งาน
- หากยางมีรอยรั่วหรืออ่อนบ่อยผิดปกติ ควรนำรถไปให้ช่างตรวจสอบอย่างละเอียด
นอกจากสาระความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการเติมลมรถที่เรานำมาฝากกัน การมีประกันรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้สามารถรับมือกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้อย่างมั่นใจ สามารถเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์รายเดือนได้ที่ gettgo มีให้เลือกแบบ 30 วัน / 90 วัน / 180 วัน ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก ตอบโจทย์คนอยากจ่ายเท่าที่จำเป็น ดูแลครบแม้ไม่ได้ใช้รถบ่อย
ตรวจเช็กเบี้ยประกันภัยได้ทันทีผ่านเว็บไซต์ หรือสอบถามเพิ่มเติมผ่าน LINE OA: @gettgo หรือโทร. 02-111-7800
ข้อมูลอ้างอิง
- คู่มือวิธีเติมลมยางฉบับเต็ม เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 จาก https://www.bridgestone.co.th/th/tire-clinic/drivers-essential/self-tire-inflate