วิธีแก้รถความร้อนขึ้น พร้อมแนวทางป้องกันก่อนเสียหายหนัก

เขียนวันที่ 08/08/2025 หมวดหมู่ ทุกเรื่องประกันรถยนต์

รถยนต์มีควันขึ้น ผู้ชายกำลังคิดวิธีแก้เครื่องยนต์ร้อน

การที่รถยนต์มีอาการความร้อนขึ้น อาจส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อเครื่องยนต์ และในบางกรณีอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายถาวร ดังนั้น หากปล่อยให้ความร้อนสะสมโดยไม่รีบแก้ไข ระบบต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์อาจทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุหรือความเสียหายที่ไม่คาดคิดได้ บทความนี้จะแนะนำสาเหตุรถความร้อนขึ้น วิธีแก้เครื่องยนต์ร้อง และแนวทางป้องกันปัญหาเครื่องยนต์ร้อนจัด เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกเส้นทาง

รู้ได้อย่างไรว่ารถความร้อนขึ้น

การสังเกตอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันปัญหาลุกลามได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัญญาณที่บ่งบอกว่าเครื่องยนต์ร้อนจัด ได้แก่

สัญลักษณ์ความร้อนรถยนต์ขึ้นบนแผงหน้าปัด

หากไฟเตือนรูปเทอร์โมมิเตอร์หรือสัญลักษณ์เกี่ยวกับความร้อนขึ้นบนหน้าปัด แสดงว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงเกินค่าปกติ ควรจอดรถทันทีและตรวจสอบสาเหตุ

มาตรวัดอุณหภูมิแสดงค่าสูงผิดปกติ

ความร้อนรถยนต์ระดับไหนถึงปกติ ? โดยทั่วไปเข็มวัดอุณหภูมิควรอยู่ในตำแหน่งกลางของมาตรวัด ถ้าเข็มขึ้นเกินกว่าระดับนี้หรือเข้าใกล้โซนสีแดง แสดงว่าห้องเครื่องร้อนเกินไป

อาการผิดปกติอื่น ๆ ที่บ่งบอกว่าห้องเครื่องร้อนผิดปกติ

กลิ่นไหม้หรือกลิ่นผิดปกติจากห้องเครื่อง มีไอน้ำหรือควันลอยออกจากใต้ฝากระโปรงหน้า กำลังเครื่องยนต์ลดลงอย่างผิดปกติ เกิดเสียงผิดปกติจากห้องเครื่อง เช่น เสียงน็อก น้ำหรือน้ำหล่อเย็นรั่วไหลใต้ท้องรถ

วิธีแก้รถความร้อนขึ้น เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

เมื่อพบว่ารถยนต์กำลังมีปัญหาความร้อนสูงเกินไป ควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้

  1. จอดรถในที่ปลอดภัยและดับเครื่องยนต์ทันที เมื่อพบว่ามาตรวัดความร้อนขึ้นสูงหรือมีสัญญาณไฟเตือนความร้อน ควรหาที่จอดที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด จากนั้นดับเครื่องยนต์ทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์
  2. เปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อน หลังจากดับเครื่องยนต์แล้ว ให้เปิดฝากระโปรงหน้ารถเพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากห้องเครื่อง อย่าพยายามเปิดฝาหม้อน้ำทันทีเนื่องจากความร้อนและแรงดันสูงอาจทำให้เกิดอันตรายได้
  3. รอให้เครื่องยนต์เย็นลง ควรรอประมาณ 15-30 นาที หรือจนกว่ามาตรวัดอุณหภูมิจะกลับสู่ระดับปกติ ก่อนที่จะทำการตรวจสอบต่อ 
  4. ตรวจสอบและเติมน้ำหล่อเย็น หลังจากเครื่องยนต์เย็นแล้ว ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำ หากน้ำขาดให้เติมน้ำหล่อเย็นหรือน้ำเปล่าชั่วคราวจนถึงระดับที่กำหนด
  5. ตรวจสอบการรั่วไหล สังเกตรอบ ๆ เครื่องยนต์ว่ามีจุดรั่วซึมของน้ำหล่อเย็นหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณท่อยางต่าง ๆ หม้อน้ำ และปั๊มน้ำ หากพบรอยรั่ว อาจต้องใช้เทปพันท่อหรือวัสดุซ่อมแซมชั่วคราวเพื่อให้สามารถขับรถไปยังศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดได้ 
  6. สตาร์ตเครื่องยนต์ใหม่ หลังเติมน้ำหล่อเย็นและปิดฝาหม้อน้ำเรียบร้อยแล้ว ให้สตาร์ตเครื่องยนต์ใหม่และสังเกตมาตรวัดอุณหภูมิ ถ้ามาตรวัดอุณหภูมิยังอยู่ในระดับปกติ สามารถขับไปยังศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดเพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมอย่างละเอียด
  7. หลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ ขณะที่กำลังเกิดปัญหาความร้อนขึ้น ให้ปิดเครื่องปรับอากาศทันที และหากเป็นไปได้ ให้เปิดฮีตเตอร์ (ถ้ามี) เนื่องจากฮีตเตอร์จะช่วยลดอุณหภูมิได้บางส่วน

เครื่องยนต์ร้อน มีควัน รถยนต์ส่งศูนย์ซ่อมเพื่อแก้ปัญหาห้องเครื่องร้อนผิดปกติ

วิธีป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนจัด

การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอสามารถลดความเสี่ยงปัญหาห้องเครื่องร้อนผิดปกติได้ โดยมีคำแนะนำดังนี้

ตรวจสอบและเติมน้ำหล่อเย็นอย่างสม่ำเสมอ

ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำทุกสัปดาห์หรือก่อนเดินทางไกล เพื่อให้มั่นใจว่ามีน้ำหล่อเย็นเพียงพอในการระบายความร้อน

ดูแลหม้อน้ำและปั๊มน้ำ

หม้อน้ำ เป็นอุปกรณ์สำคัญในการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ควรทำความสะอาดหม้อน้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีคราบตะกรันหรือสิ่งอุดตัน และตรวจสอบว่าปั๊มน้ำทำงานได้ดี

ตรวจสอบพัดลมระบายความร้อนและสายพาน

พัดลมหม้อน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยระบายความร้อนออกจากหม้อน้ำ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพัดลมทำงานได้ดี และสายพานมีความตึงที่เหมาะสม ไม่หย่อนหรือตึงเกินไป เพราะสายพานที่เสื่อมสภาพหรือหย่อนอาจทำให้พัดลมทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้ไม่ดี

ตรวจสอบเทอร์โมสตัท

เทอร์โมสตัท เป็นอุปกรณ์ที่ควบคุมการไหลของน้ำหล่อเย็นในระบบหล่อเย็น หากเทอร์โมสตัทเสียหรือติดขัด จะทำให้น้ำหล่อเย็นไหลเวียนไม่ดี ส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป

ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่องมีส่วนช่วยระบายความร้อนด้วย หากน้ำมันเครื่องขาดหรือเสื่อมคุณภาพ จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไปได้ ควรตรวจสอบระดับและคุณภาพของน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด

หลีกเลี่ยงการขับขี่ในสภาวะที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก

การขับรถในช่วงอากาศร้อนจัด หรือการขับในสภาพรถติดเป็นเวลานาน ล้วนทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและเกิดความร้อนสูงได้ หากจำเป็นต้องขับขี่ในสภาวะเหล่านี้ ควรเฝ้าดูมาตรวัดอุณหภูมิอย่างใกล้ชิด และหยุดพักเครื่องยนต์เป็นระยะหากพบว่าอุณหภูมิเครื่องยนต์สูงขึ้น

ตารางตรวจเช็กเครื่องยนต์เพื่อป้องกันความร้อนขึ้น

 

รายการตรวจเช็ก ความถี่ สิ่งที่ต้องตรวจสอบ
ระดับน้ำหล่อเย็น ทุกสัปดาห์ ระดับน้ำต้องอยู่ระหว่างขีดต่ำสุดและสูงสุด
คุณภาพน้ำหล่อเย็น ทุก 6 เดือน สีและความใสของน้ำหล่อเย็น ไม่มีสิ่งเจือปน
หม้อน้ำและระบบระบายความร้อน ทุก 4-6 เดือน ไม่มีรอยรั่ว สิ่งอุดตัน หรือความเสียหาย
พัดลมระบายความร้อน ทุก 3 เดือน ทำงานได้ปกติ ไม่มีเสียงดังผิดปกติ
สายพาน ทุก 3 เดือน ไม่มีรอยแตก หย่อน หรือสึกหรอ
น้ำมันเครื่อง ทุกเดือน ระดับและคุณภาพของน้ำมัน
เทอร์โมสตัท ทุก 50,000–80,000 กิโลเมตร หรือ
ประมาณทุก 5-7 ปี
ทำงานได้ปกติ ไม่ติดขัด
ฝาหม้อน้ำ ทุก 2-3 เดือน สภาพซีลและแรงดันที่เหมาะสม

 

การตรวจสอบและบำรุงรักษาตามตารางข้างต้นจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาห้องเครื่องร้อนผิดปกติ และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซื้อประกันรถยนต์ระยะสั้น ป้องกันความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด

การดูแลรักษารถยนต์เป็นสิ่งสำคัญในการขับขี่ที่ปลอดภัย และหากมีประกันรถยนต์ระยะสั้นจะยิ่งช่วยให้คุณอุ่นใจมากขึ้น และได้รับความคุ้มครองที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรืออุบัติเหตุบนท้องถนน ขอแนะนำให้ซื้อประกันรถยนต์ระยะสั้นเพื่อตอบโจทย์คนอยากจ่ายเท่าที่จำเป็น จาก gettgo ครอบคลุมการคุ้มครองรถคู่กรณีสูงสุด 1,000,000 บาท/ ครั้ง รวมถึงกรณีรถหาย รถไฟไหม้ และการเสียชีวิต/ค่ารักษาพยาบาล ในเบี้ยประกันภัยที่เริ่มต้นเพียง 617 บาท/เดือน ให้คุณขับขี่ได้อย่างไร้กังวลตลอดการเดินทาง

สามารถเข้ามาเลือกซื้อแบบออนไลน์ได้ที่ gettgo และตรวจเช็กเบี้ยประกันได้ทันทีผ่านเว็บไซต์ หรือสอบถามเพิ่มเติมผ่าน LINE OA: @gettgo หรือโทร. 02-111-7800

ประกันรถยนต์รายเดือน Gettgo จ่ายเท่าที่ใช้ ยืดหยุ่น สมัครง่าย ยกเลิกได้

ข้อมูลอ้างอิง

  1. ไฟเตือนความร้อนขึ้น ส่องสาเหตุ และวิธีแก้รถความร้อนขึ้น แอร์ไม่เย็น หม้อน้ำไม่แห้ง. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.wiriyaservice.com/heat-warning-light/
  2. ไฟโชว์บนหน้าปัด ใดบ้าง ? ที่บอกถึง อันตราย ! ต้องหยุดใช้รถ และรีบตรวจสอบความผิดปกติทันที. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.motorexpo.co.th/blog/1238 
บทความที่คุณอาจสนใจ