ประกันของเรา
บทความ
เกี่ยวกับ gettgo

การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา สาเหตุ อาการ วิธีรักษาและป้องกัน

การเล่นกีฬา เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงของการบาดเจ็บ ซึ่งอาจมีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงเจ็บปวดขั้นรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

หลายคนอาจสงสัยว่าอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬามีสาเหตุจากอะไร และจะป้องกันอย่างไรได้บ้าง บทความนี้จะพาไปไขข้อสงสัย เพื่อให้คุณเล่นได้อย่างปลอดภัย ออกแรงได้อย่างเต็มที่ มีสุขภาพที่ดีและมีความสุข

 

อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาบาสเกตบอล

 

สาเหตุของการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา

1. ขาดการเตรียมพร้อม

เนื่องจากร่างกายต้องการเวลาในการปรับตัวก่อนออกกำลัง ดังนั้น การวอร์มอัปที่ไม่เพียงพอ ไม่กระตุ้นยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้เตรียมพร้อม หรือเริ่มเล่นออกแรงอย่างหนักทันที จึงอาจทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อได้รับบาดเจ็บได้ง่าย

2. เทคนิคการเล่นไม่ถูกต้อง

การใช้ท่าทางที่ผิดหรือออกแรงมากเกินไปสามารถก่อให้เกิดความเครียดต่อกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ เช่น การฉีกขาด การพลิก หรืออาการปวด

3. อุปกรณ์กีฬาไม่เหมาะสม

อุปกรณ์กีฬาก็เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ เพราะชิ้นส่วนที่ไม่พอดีกับร่างกายหรือชำรุดเสียหายอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดปัญหา เช่น รองเท้าที่คับเกินไปอาจทำให้เท้าพอง หรือหมวกกันน็อกหลวมอาจไม่สามารถปกป้องศีรษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. สภาพแวดล้อมไม่ปลอดภัย

บริเวณที่ใช้ในการเล่นกีฬาก็มีผลต่อความปลอดภัยเช่นกัน กล่าวคือ พื้นที่ขรุขระ มีสิ่งกีดขวาง หรือแสงไฟไม่เพียงพออาจนำไปสู่การสะดุดล้มหรือชนกับวัตถุอื่น ๆ ได้ อีกทั้งสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น ฝนตกทำให้พื้นลื่น หรืออุณหภูมิสูงเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงทั้งสิ้น

5. การพักผ่อนไม่เพียงพอ

โดยปกติหลังจากการออกกำลัง ร่างกายจะต้องการเวลาในการพัก ผ่อนคลาย และฟื้นฟู ดังนั้น การฝืนเล่นต่อเนื่องโดยไม่ให้เวลาพัก และใช้ร่างกายอย่างหักโหม อาจนำไปสู่การอักเสบและเพิ่มโอกาสบาดเจ็บจากการใช้งานมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ การจัดตารางฝึกซ้อมที่สมดุลและรู้จักหยุดพักเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าจึงเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง ?

1. การบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อน

เนื้อเยื่ออ่อน หรือเนื้อเยื่อในกลุ่มกล้ามเนื้อ เอ็น และเส้นประสาทที่อยู่ตามแขน ขาของเรา มักได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา สาเหตุหลักมาจากการใช้แรงมากเกินไป การเคลื่อนไหวผิดท่า หรือการกระแทกโดยตรง โดยเมื่อเกิดการบาดเจ็บจะมีอาการปวด บวม แดง บริเวณที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ อาจพบรอยฟกช้ำร่วมด้วย

2. การอักเสบหรือฉีกขาดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น

ปัญหานี้มักเกิดจากสองสาเหตุหลัก คือ การใช้งานซ้ำ ๆ และการออกกำลังกายหนักเกินไป ในกรณีของการอักเสบ ผู้บาดเจ็บจะรู้สึกปวดเมื่อเคลื่อนไหว บวม และอาจมีอาการตึงกล้ามเนื้อ ส่วนการฉีกขาดนั้นมักเป็นผลมาจากการใช้แรงกะทันหัน หรือการยืดตัวมากเกินไป ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการรุนแรงอย่างการไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ และอาจสังเกตเห็นรอยช้ำบริเวณที่บาดเจ็บ

3. ข้อต่อและเอ็นยึดข้อต่อบาดเจ็บ

ข้อต่อ เป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมกระดูกเข้าด้วยกัน การบาดเจ็บในส่วนนี้มักมีสาเหตุมาจากการเคลื่อนไหวผิดท่าหรือการบิดตัวอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดอาการปวด บวม และในบางกรณีอาจได้ยินเสียงดังกรอบแกรบเมื่อขยับ

4. กระดูกหัก

การบาดเจ็บที่รุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะกระดูกหัก ซึ่งแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก ดังนี้

  • - กระดูกหักแบบเปิด : ลักษณะคือ กระดูกทะลุผ่านผิวหนังออกมา ทำให้เกิดบาดแผลเปิดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมา 
  • - กระดูกหักแบบปิด : แม้จะไม่มีบาดแผลภายนอก แต่ผู้บาดเจ็บจะประสบกับความเจ็บปวดรุนแรง อาการบวม และไม่สามารถเคลื่อนไหวส่วนที่ได้รับผลกระทบได้ตามปกติ 
  • - กระดูกหักจากแรงกระทำซ้ำ ๆ : เกิดจากการใช้แรงกระทำซ้ำ ๆ บริเวณเดียวกันเป็นเวลานาน เช่น ในกรณีของนักวิ่งระยะไกลหรือนักกีฬาที่ต้องกระโดดบ่อย ๆ

การรักษาเบื้องต้นสำหรับอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา

1. ปฐมพยาบาลด้วยหลักการ RICE

หลักการ RICE เป็นแนวทางการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่นิยมใช้กันทั่วโลก ย่อมาจากคำว่า

  • - R - Rest (พัก) : หยุดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บทันที เพื่อลดการเคลื่อนไหวของบริเวณนั้น 
  • - I - Ice (ประคบเย็น) : ใช้ผ้าห่อหุ้มน้ำแข็งประคบบริเวณที่บาดเจ็บประมาณ 15-20 นาที ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง ช่วยลดอาการบวมและปวด 
  • - C- Compression (พันรัด) : ใช้ผ้าพันแผลรัดบริเวณที่บาดเจ็บพอประมาณ ช่วยลดอาการบวม 
  • - E- Elevation (ยกสูง) : ยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงกว่าระดับหัวใจ ช่วยลดการไหลเวียนของเลือดและลดอาการบวม

2. รับประทานยาแก้ปวด

ยาแก้ปวดชนิดพาราเซตามอล (Paracetamol) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) สามารถช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้ แต่ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้

3. ทำกายภาพบำบัด

กายภาพบำบัด เป็นการรักษาที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และระบบประสาท โดยสามารถออกแบบโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ

4. ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากบางกรณีอาจต้องเข้ารับการผ่าตัด

หากอาการบาดเจ็บไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง เช่น ปวดบวมมาก มีไข้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในกรณีที่กระดูกหัก ควรปรึกษาแพทย์และตรวจ X-ray หรือ MRI เพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

วิธีการป้องกันอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา

1. วอร์มอัปและคูลดาวน์

การวอร์มอัปก่อนเล่นกีฬาจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อยืดหยุ่นขึ้น ส่วนการคูลดาวน์หลังออกกำลังกายเสร็จสิ้นจะช่วยให้ร่างกายปรับสู่ภาวะปกติ ลดอาการปวดเมื่อยและป้องกันกล้ามเนื้อเกร็ง

2. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นประจำช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงบาดเจ็บ ทั้งนี้ ควรทำทั้งก่อนและหลังเล่นกีฬาทุกครั้ง

3. ฝึกฝนเทคนิคการเล่นที่ถูกต้อง

เมื่อร่างกายพร้อม ควรฝึกเทคนิคการเล่นกีฬาที่ถูกต้องจากผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์ เพื่อให้เคลื่อนไหวร่างกายได้ถูกวิธี และป้องกันการเคลื่อนไหวผิดท่า

4. เลือกใช้อุปกรณ์กีฬาที่เหมาะสม

อุปกรณ์ที่เหมาะกับชนิดกีฬาและสรีระจะช่วยรองรับ ปกป้องร่างกาย และลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุได้ เช่น รองเท้าวิ่งที่พอดีเท้า หรือหมวกกันน็อกมาตรฐานที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

5. พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนอย่างเพียงพอ จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและข้อต่อที่ใช้งาน ในทางตรงกันข้าม การฝืนเล่นกีฬาต่อเนื่องโดยไม่พัก อาจทำให้เกิดการอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บจากการใช้งานมากเกินไป

6. ฟังสัญญาณเตือนของร่างกาย

สิ่งสำคัญที่สุดคือ รู้จักฟังร่างกายตัวเอง หากรู้สึกเจ็บปวดหรือผิดปกติ ควรหยุดพักทันทีและปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬาอย่างเร่งด่วน

 

นักฟุตบอลบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาในสนาม

 

เล่นกีฬาแบบอุ่นใจ เพียงซื้อประกันอุบัติเหตุออนไลน์จาก gettgo

เล่นกีฬาให้สนุก ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยการเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม และรับมือกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาด้วยประกันอุบัติเหตุออนไลน์ส่วนบุคคลจาก gettgo แผนประกันรายปีสุดคุ้ม ในราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อย ให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ หมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช็กเบี้ยประกันและซื้อออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร: 02-111-7800 หรือ LINE OA: @gettgo

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. How to Use the R.I.C.E Method for Treating Injuries. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567. จาก https://upmc.ie/blog/orthopaedic-care/how-to-use-the-r-i-c-e-method-for-treating-injuries.
  2. บาดเจ็บจากเล่นกีฬา รักษาอย่างตรงจุด กับแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์การกีฬา. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567. จาก https://kdmshospital.com/article/sports-injuries/ 

บทความที่คุณอาจสนใจ

เปิดกรุทะลุประกัน ตอนที่ 3: “อยากแจ้งเคลม แต่ไม่มีคู่กรณี ทำอย่างไร?”
เปิดกรุทะลุประกัน ตอนที่ 4: เคลมสด VS เคลมแห้ง
เปิดกรุทะลุประกัน ตอนที่ 1: “เคลม พ.ร.บ.”
ความคุ้มครอง ประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2+ ประกันชั้น 2 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี ประกันชั้น 3+ ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี
รถชน(ไม่มีคู่กรณี)
รถชน(มีคู่กรณี)
ค่ารักษาพยาบาล
รถยนต์สูญหาย
ไฟไหม้
น้ำท่วม

เข้าสู่ระบบ

หากยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ กรุณา สมัครสมาชิก

 

สมัครสมาชิก

หากเป็นสมาชิกอยู่แล้วกรุณา ลงชื่อเข้าใช้งาน

Loading..

กำลังดำเนินการ กรุณารอสักครู่ค่ะ 😊

ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    ข้าพเจ้ายินยอมให้บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด  (“บริษัท”)
เก็บรวบรวมใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าเพื่อการนำเสนอโปรโมชั่น สิทธิพิเศษ ข่าวสาร ผลิตภัณฑ์ บริการ จากบริษัท รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติจากบริษัท และ/หรือบริษัทในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจ และเพื่อโอกาสที่ข้าพเจ้าจะได้รับข้อเสนอ บริการพิเศษ โปรโมชั่น หรือผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างเหมาะสมจากบริษัทในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจ ข้าพเจ้ายินยอมให้เปิดเผยข้อมูลของข้าพเจ้าให้แก่บริษัทดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์ตลอดจนการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์และบริการ 

การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล 

    ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
    บริษัทจะดำเนินการอย่างดีที่สุดในการรักษาความลับและดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย คุณสามารถเลือกให้หรือไม่ให้ความยินยอมโดยไม่มีผลต่อการพิจารณาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เว็บไซต์ https://gettgo.com/privacy-policy
ทั้งนี้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการให้ความยินยอมได้ โดยติดต่อเราที่ email : dpo-office@mtb.co.th หรือโทร 02-693-2775 (DPO)
     การที่คุณยอมรับตามด้านล่างนี้ถือว่าคุณได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น