ประกันของเรา
บทความ
เกี่ยวกับ gettgo

เปรียบเทียบประกันโควิด-19

เปรียบเทียบประกันโควิด

          

          ยินดีต้อนรับกลับสู่สังเวียน #gettbattle อีกครั้งกับคู่ที่ 6 ต้อนรับปี 2021

          รับต้นปีด้วยการกลับมาระบาดอีกครั้งของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ดูสถานการณ์แล้วน่ากลัวเข้าไปทุกวันเลยค่ะ หลายอาชีพ Work From Home ได้ก็ลดความเสี่ยงไปได้เยอะ แต่อีกหลายอาชีพที่ยังต้องเดินทางไปทำงานและต้องเผชิญความเสี่ยงอยู่ จนถามตัวอยู่บ่อยครั้งว่า “นี่เราติดหรือยังนะ ?”

          วันนี้ gettgo จึงหยิบเอาประกันโควิด-19 มาดวลกันแบบหมัดต่อหมัดให้ทุกคนพร้อมรับมือกับทุกความเสี่ยง กับ 2 แผนประกันที่กำลังได้รับความนิยมเรื่องประกันโควิด และเบี้ยที่ถูกแบบใคร ๆ ก็ซื้อได้แค่จ่ายแบงก์ 500 ใบเดียว ถ้าพร้อมแล้วมาพบกับคู่ที่ 6 จาก “เอเชียประกันภัย แผน Covid 500” VS “ทิพยประกันภัย แผน 3” กันเลยค่ะ

คู่ชกที่ 6 “ประกันโควิด-19”

 

เปรียบเทียบประกันโควิด

พาร์ทที่ 1 : ความคุ้มครอง 

             หมัดแรก : ค่าเบี้ยแสนถูกในงบ 500 บาทนี้ ทิพยประกันภัยอยู่ที่ 450 บาท ซึ่งถูกกว่าเอเชียประกันภัย 50 บาท

             หมัดที่ 2 : คุ้มครองภาวะโคม่า ทั้งคู่จ่ายเท่ากันสูงสุดที่ 500,000 บาทค่ะ
📝 ภาวะโคม่าคือการเจ็บป่วยที่ส่งผลให้ภาวะสมองตาย, ระบบประสาทล้มเหลว หรือเป็นการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย ประกันโควิดจึงจะจ่ายให้นั่นเองค่ะ

             หมัดที่ 3 : ตรวจพบเชื้อรับเงินก้อน เอเชียประกันภัยคะแนนนำในหมัดนี้ไปค่ะ เนื่องจากตรวจเจอปุ๊ป จ่ายปั๊ป รับเงินก้อน 50,000 บาทไปก่อนเลย ในขณะที่ทิพยประกันภัยไม่คุ้มครองในส่วนนี้ค่ะ
📝 เงินก้อน 50,000 นี้นับเป็นทุนในการรักษา โดยสามารถจัดการค่าใช้จ่ายในการรักษาเองได้อย่างอิสระค่ะ

             หมัดที่ 4 : ค่ารักษาพยาบาล หมัดนี้ทิพยประกันภัยกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง โดยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล 50,000 บาท ในขณะที่เอเชียประกันภัยไม่คุ้มครองในส่วนนี้ค่ะ
📝 ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนี้ ทิพยประกันภัยคุ้มครองตั้งแต่ค่าตรวจ ค่าแอดมิต ค่าห้อง ค่ายา เรียกง่าย ๆ ว่าเงินส่วนนี้คุ้มครองตั้งแต่ต้นจนจบการรักษาเลยล่ะค่ะ

             หมัดที่ 5 : ชดเชยรายได้กรณีรักษาตัว เอเชียประกันภัยได้เปรียบในหมัดนี้ไปค่ะ เนื่องจากชดเชยรายได้ให้สูงถึงวันละ 1,000 บาท ในขณะที่ทิพยประกันภัยไม่คุ้มครองในส่วนนี้นั่นเองค่ะ
📝 เงินชดเชยรายได้ระหว่างรักษาตัวที่ รพ. ชดเชยสูงสุด 50 วัน วงเงินสูงสุด 50,000 บาท

             หมัดที่ 6 : ระยะเวลารอคอย ทั้งคู่มีระยะเวลารอคอยเท่ากันที่ 14 วันค่ะ
📝 โดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทไม่รับประกันผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขค่ะ

จบพาร์ทแรกเรื่องความคุ้มครองแล้ว ทั้ง 2 แผนนี้สูสีกันหลายหมัดเลยค่ะ ต่อไปเรามาดูกันที่พาร์ทที่ 2 เกณฑ์ตัดสินเพิ่มเติม เพื่อจะได้ตัดสินใจเลือกแผนประกันได้ง่ายขึ้นค่ะ

พาร์ทที่ 2 : เกณฑ์ประกอบการตัดสินเพิ่มเติม ​
           เกณฑ์ที่ 1 : ความน่าเชื่อถือของบริษัท​

วัดจาก Market Share ตลาดประกันชีวิตและสุขภาพ เดือนสิงหาคม 2020 ที่ผ่านมา ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย โดยเกณฑ์ในข้อนี้เราเชื่อว่า สินค้าที่ขายดีกินส่วนแบ่งการตลาดได้มากกว่า สร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

📝 เอเชียประกันภัย : ส่วนแบ่งการตลาดไม่อยู่ในอันดับ 1-10
📝 ทิพยประกันภัย : ส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2
ด้านความน่าเชื่อถือของบริษัทจึงสรุปได้ว่า ทิพยประกันภัยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ดีกว่า มีความน่าเชื่อถือมากกว่านั่นเองค่ะ

           เกณฑ์ที่ 2 : ความคุ้มค่าของเงิน (ความคุ้มครองหารด้วยค่าเบี้ย)​

มาดูกันว่าเบี้ย 1 บาทที่เราจ่ายไป จะเปลี่ยนเป็นความคุ้มครองได้กี่บาท ?

📝 หมัดนี้อัตราความคุ้มค่าของเอเชียประกันภัยอยู่ที่ 1,000 บาท ในขณะที่ทิพยประกันภัยอยู่ที่ 1111.11 บาท ทำให้ทิพยประกันภัยมีความคุ้มค่ามากกว่าประมาณ 111 บาทนั่นเองค่ะ

           เกณฑ์ที่ 3 : จำนวนเครือข่าย รพ. และคลินิกทั้งหมด

จำนวน รพ.ที่เยอะก็ช่วยเรื่องความอุ่นใจได้ไม่น้อย หรือถ้าอยู่ไกล รพ. ก็ยังมีคลินิกย่อยที่ครอบคลุมอีกด้วย จึงสบายใจได้เลยว่าหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศก็เคลมได้หายห่วงค่ะ

📝 โดยเอเชียประกันภัย มีจำนวน รพ. และคลินิกอยู่ที่ 395 แห่ง และทิพยประกันภัยมีจำนวน รพ. และคลินิก 602 แห่ง ซึ่ง ทิพยประกันภัยมีมากกว่าถึง 207 แห่ง ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะเลยล่ะค่ะ ​

           เกณฑ์ที่ 4 : สินทรัพย์รวม สิ้นปี 2562​

มูลค่าของสินทรัพย์รวมของบริษัทสามารถใช้เป็นอีกหนึ่งเกณฑ์ความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของบริษัทได้

📝 โดยเอเชียประกันภัยมีสินทรัพย์รวมอยู่ ที่ 3,126.9 ล้านบาท และทิพยประกันภัยอยู่ที่ 40,814.05 ล้านบาท ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของทิพยประกันภัยสูงกว่าถึง 37,687 ล้านบาท​เลยค่ะ


          จบกันไปแล้วสำหรับ 2 พาร์ททั้งความคุ้มครองและเกณฑ์ประกอบการตัดสินเพิ่มเติมอื่น ๆ ค่ะ

          สุดท้ายนี้ gettgo สรุปได้ว่าคู่ชกที่ 6 “ประกันโควิด-19” นี้ หมัดชนหมัดจริง ๆ ค่ะ นับว่าสมน้ำสมเนื้อทั้งคู่ มีดีกันคนละแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบของเราด้วยว่าถูกใจแผนไหนก็เลือกได้ตามใจสั่ง

          อย่าลืมเลือกประกันโควิด-19 ที่เหมาะกับตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกันด้วยนะคะ

บทความที่คุณอาจสนใจ

ทำความรู้จักประกันมะเร็ง “จ่ายระยะลุกลาม” VS “จ่ายทุกระยะ” เลือกอย่างไรดี ?
มะเร็ง 3 ชนิด ที่ประกันมะเร็งไม่รับเคลม
‘เมื่อเพศทางเลือก กลับเลือกไม่ได้’ สิทธิ์การรักษาที่หล่นหายแม้เป็นคนในครอบครัว
ความคุ้มครอง ประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2+ ประกันชั้น 2 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี ประกันชั้น 3+ ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี
รถชน(ไม่มีคู่กรณี)
รถชน(มีคู่กรณี)
ค่ารักษาพยาบาล
รถยนต์สูญหาย
ไฟไหม้
น้ำท่วม

เข้าสู่ระบบ

หากยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ กรุณา สมัครสมาชิก

 

สมัครสมาชิก

หากเป็นสมาชิกอยู่แล้วกรุณา ลงชื่อเข้าใช้งาน

Loading..

กำลังดำเนินการ กรุณารอสักครู่ค่ะ 😊