เคยไหม ? รับประทานอาหารจานโปรดไปไม่กี่ชั่วโมง ก็เริ่มรู้สึกพะอืดพะอม ปวดท้อง หรือท้องเสีย นี่อาจเป็นสัญญาณของอาหารเป็นพิษ ภัยสุขภาพใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน
อาการนี้มักมาจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค สารพิษ หรือแบคทีเรีย ซึ่งสามารถส่งผลรุนแรงต่อร่างกาย บางรายอาจมีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การรู้เท่าทันถึงสาเหตุอาหารเป็นพิษ และเข้าใจวิธีป้องกัน รวมถึงการรักษาเบื้องต้น จะช่วยลดความรุนแรงลงได้
อาหารเป็นพิษคืออะไร ?
อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) เป็นอาการป่วยที่เกิดจากการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส พยาธิ หรือสารพิษ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร และทำให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่อาการเล็กน้อย ไปจนถึงภาวะแทรกซ้อนซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
สาเหตุของอาหารเป็นพิษ
อาการอาหารเป็นพิษเกิดจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ดังต่อไปนี้
- - อาหารที่ได้รับการปรุงแบบไม่ถูกสุขอนามัย โดยใช้วัตถุดิบปนเปื้อน หรืออุปกรณ์การปรุงที่ไม่สะอาด
- - อาหารที่ไม่สะอาด เนื่องจากการถูกเก็บรักษาอย่างไม่ถูกต้อง
- - อาหารดิบ หรืออาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ
- - อาหารที่ปรุงไว้นานแล้วแต่ไม่ได้แช่เย็น
- - นมและผลิตภัณฑ์จากนมที่หมดอายุ
- - น้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
อาหารเป็นพิษ มีอาการอย่างไร เกิดหลังกินกี่ชั่วโมง ?
อาการอาจเกิดขึ้นภายใน 30 นาทีถึง 6 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน หรืออาจใช้เวลานานถึง 24 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรค โดยอาการอาหารเป็นพิษที่พบบ่อย นอกจากความรู้สึกพะอืดพะอม ยังมีลักษณะอื่น ๆ อีกดังนี้
- - คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นอาการแรกที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังพยายามขจัดสารพิษออกไป
- - ปวดท้อง หรือปวดบีบในลำไส้ เกิดจากการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร
- - ท้องเสีย ถ่ายเหลว หรือมีมูกเลือดปน แสดงถึงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
- - มีไข้ หนาวสั่น เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันกำลังต่อสู้กับเชื้อโรค
- - อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เป็นผลจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ จากอาการท้องเสียหรืออาเจียน
ภาวะแทรกซ้อนจากอาการอาหารเป็นพิษ
แม้ว่าภาวะอาหารเป็นพิษมักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่ในบางกรณี อาการอาจรุนแรงจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้
- - ท้องเสียรุนแรง จนเกิดภาวะขาดน้ำและเสียสมดุลของเกลือแร่
- - เชื้อโรคบางชนิดส่งผลกระทบต่ออวัยวะส่วนอื่นได้ด้วย เช่น เชื้ออีโคไลที่มีผลทำให้เม็ดเลือดแดงแตก และไตวายเฉียบพลัน
อาหารเป็นพิษ แก้ยังไง ? และวิธีรักษาเบื้องต้น
- - ดื่มน้ำมาก ๆ สามารถดื่มได้ทั้งน้ำเปล่าและเกลือแร่ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำจากการอาเจียนและท้องเสีย
- - พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักที่อาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้น รับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก และหลีกเลี่ยงของเผ็ด มัน รวมถึงอาหารที่ย่อยยาก
- - งดนมและผลิตภัณฑ์จากนม เนื่องจากอาจกระตุ้นอาการท้องเสียให้แย่ลง
- - หลีกเลี่ยงยาหยุดถ่ายเอง เพราะร่างกายจำเป็นต้องขับเชื้อโรคออกมา การใช้ยาหยุดถ่ายอาจทำให้เชื้อสะสมในร่างกายได้
เมื่อไรที่ควรพบแพทย์ ?
เมื่อมีอาการอาหารเป็นพิษเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
- - อาเจียนหรือท้องเสียอย่างรุนแรง
- - ถ่ายเป็นเลือด ปวดท้องมากผิดปกติ
- - อ่อนเพลียจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้
การป้องกันภาวะอาหารเป็นพิษ
การป้องกันอาหารเป็นพิษ คือสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ เพราะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและปัญหาสุขภาพที่ตามมา โดยวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ มีดังนี้
รักษาสุขอนามัย
- - ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด โดยเฉพาะหลังใช้ห้องน้ำ หรือสัมผัสสัตว์เลี้ยง
- - ใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ เมื่อไม่มีน้ำและสบู่
- - ตัดเล็บสั้นและรักษาให้สะอาด
การเตรียมและปรุงอาหาร
- - ควรซื้อผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์จากแหล่งที่เชื่อถือได้
- - หลีกเลี่ยงอาหารที่หมดอายุ หรือมีบรรจุภัณฑ์ที่ชำรุด
- - ควรแช่ผักในน้ำด่างทับทิม น้ำส้มสายชู หรือน้ำเกลือ ก่อนนำมาปรุงอาหาร หรือรับประทาน
- - แยกเขียงและมีดระหว่างเนื้อสด และผักสด
- - ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสเนื้อสัตว์ดิบ
- - ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง โดยเฉพาะเนื้อสัตว์
การเก็บรักษาอาหาร
- - เก็บอาหารสดในตู้เย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส
- - ไม่วางอาหารสดใกล้กับอาหารพร้อมรับประทาน
- - ไม่เก็บอาหารปรุงสุกไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง และควรแช่เย็นหากไม่บริโภค
- - ทิ้งอาหารที่น่าสงสัยว่าจะเสียทันที ห้ามรับประทาน
- - ตรวจสอบวันหมดอายุของอาหารสำเร็จรูป หากพบว่าหมดอายุควรทิ้งทันที
การรับประทานอาหารนอกบ้าน
- - เลือกร้านที่สะอาด มีมาตรฐาน
- - สังเกตความสะอาดของพื้นที่ปรุงอาหาร
- - หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นหรือสีผิดปกติ
อาหารเป็นพิษเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย แต่สามารถป้องกันได้ด้วยความระมัดระวังในการบริโภคและการเตรียมอาหาร การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีและหมั่นสังเกตอาการหากเจ็บป่วย เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะช่วยให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาเจ็บป่วยนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
นอกจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และห่างไกลโรคอยู่เสมอแล้ว การทำประกันสุขภาพยังเป็นหลักประกันให้มั่นใจว่าจะมีค่ารักษาพยาบาลครอบคลุมความเจ็บป่วย มาเลือกซื้อแบบออนไลน์ได้ที่ gettgo ตรวจเช็กเบี้ยประกันได้ทันทีผ่านเว็บไซต์ หรือสอบถามเพิ่มเติมผ่าน LINE OA: @gettgo หรือโทร. 02-111-7800
ข้อมูลอ้างอิง
- อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning). สืบค้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 จาก https://ddc.moph.go.th/disease_detail.php?d=10
- อาหารเป็นพิษ อาการแบบไหน? ควรพบแพทย์ ด่วน!!. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 จาก https://mordeeapp.com/th/article/โรคทั่วไป/อาหารเป็นพิษ-อาการแบบไหน-ควรพบแพทย์-ด่วน