เมื่อพูดถึงโรคภัยไข้เจ็บ แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคร้ายแรงที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญของคนไทยในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ก็คือการเตรียมพร้อมด้วยการศึกษาค่ารักษาพยาบาลโรคร้ายแรงไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อให้เราสามารถวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างเหมาะสม ในกรณีที่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่ไม่คาดคิด
เปิดค่ารักษา 6 โรคร้ายแรงที่คนไทยเป็นกันเยอะ อัปเดต 2568
เมื่อพูดถึงโรคร้ายแรงที่พบบ่อยในประเทศไทย พบว่ามีอยู่ 6 โรคหลักที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง ซึ่งแต่ละโรคมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. โรคมะเร็ง (ค่ารักษาโดยประมาณ : 200,000-1,500,000 + บาท)
โรคมะเร็ง นับเป็นโรคร้ายแรงอันดับต้น ๆ ของคนไทย โดยค่ารักษาโรคมะเร็งนับว่าค่อนข้างสูง เนื่องจากจำเป็นต้องใช้การรักษาหลายวิธีควบคู่กันไป อีกทั้งยังต้องมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามชนิดและระยะของโรค ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- • ค่าตรวจวินิจฉัยและติดตามผล : 5,000-50,000 บาทต่อครั้ง รวมถึงการตรวจเลือด, เอกซเรย์, CT scan และ MRI
- • ค่าผ่าตัด : 100,000-500,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและตำแหน่งที่ต้องผ่าตัด หากเป็นโรงพยาบาลเอกชนอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ 2.5-7 เท่า
- • ค่าเคมีบำบัด : 50,000-100,000 บาทต่อรอบการรักษา โดยการรักษาใช้เวลา 4-6 สัปดาห์ และให้ยาทุก 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและสภาพร่างกายของผู้ป่วย
- • ค่ารังสีรักษา : ประมาณ 100,000-200,000 บาทต่อคอร์ส โดยแบ่งตามเทคนิคการรักษาและชนิดของมะเร็ง เช่น
- เทคนิค 3 มิติ : 103,000-144,400 บาท (28-35 ครั้ง)
- เทคนิค IMRT/VMAT : 186,600-197,600 บาท (35 ครั้ง)
- • ค่ายารักษามะเร็งแบบตรงจุด : 50,000-300,000 บาทต่อเดือน ซึ่งอาจต้องรักษาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
2. โรคหัวใจ (ค่ารักษาโดยประมาณ : 600,000-1,000,000 บาท )
นอกเหนือจากโรคมะเร็งแล้ว โรคหัวใจก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด ซึ่งค่ารักษาโรคหัวใจจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรคและวิธีการรักษา โดยมีรายละเอียดดังนี้
- • ค่าตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น : 3,000-30,000 บาท รวมการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและการตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อน
- • ค่าทำบอลลูนหัวใจ : ประมาณ 185,000 บาท
- • ค่าผ่าตัดบายพาส : เริ่มต้นที่ 650,000 บาท
- • ค่าผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ : ประมาณ 800,000 บาท
- • ค่าผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ : เริ่มต้นที่ 770,000 บาท
- • ค่าใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ : เริ่มต้นที่ 790,000 บาท
- • ค่ายาและการติดตามผล : 5,000-20,000 บาทต่อเดือน สำหรับยาละลายลิ่มเลือดและยาควบคุมความดัน
- • ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ : 2,000-5,000 บาทต่อครั้ง
3. โรคตับแข็ง (ค่ารักษาโดยประมาณ : 800,000-1,200,000 บาท)
โรคตับแข็ง เป็นโรคที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และในหลายกรณีอาจนำไปสู่การผ่าตัดตับในที่สุด นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีการติดตามผลและปรับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องดังนี้
- • ค่าตรวจวินิจฉัยและติดตามผล : 3,000-15,000 บาทต่อครั้ง รวมการตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ตับ
- • ค่ายารักษา : 10,000-50,000 บาทต่อเดือน สำหรับยาต้านไวรัสและยาประคับประคองการทำงานของตับ
- • ค่าผ่าตัดตับ แบ่งตามประเภทการผ่าตัด
- การผ่าตัดตับบางส่วนด้วยการผ่าตัดผ่านกล้อง : 680,000 บาท
- การผ่าตัดตับ : ข้างละประมาณ 700,000 - 800,000 บาท
- • ค่าดูแลหลังผ่าตัด : 50,000-100,000 บาท รวมถึงยากดภูมิคุ้มกันที่ต้องใช้ตลอดชีวิต
- • ค่าติดตามผลระยะยาว : 5,000-15,000 บาทต่อเดือน
4. โรคเนื้องอกในสมอง (ค่ารักษาโดยประมาณ : 1,000,000-1,500,000 บาท)
ในกรณีของโรคเนื้องอกในสมอง นอกจากจะมีความซับซ้อนในการรักษาแล้ว ยังจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการวินิจฉัยและการรักษา อีกทั้งต้องมีการฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง โดยมีรายละเอียดดังนี้
- • ค่าตรวจวินิจฉัยด้วย MRI และ CT Scan : 15,000-30,000 บาทต่อครั้ง
- • ค่าผ่าตัดสมอง : 300,000-1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและตำแหน่งของเนื้องอก
- • ค่ารังสีรักษา : 200,000-400,000 บาทต่อคอร์ส สำหรับกรณีที่ต้องฉายรังสี
- • ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ : 3,000-10,000 บาทต่อครั้ง รวมกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัด
- • ค่ายาควบคุมอาการ : 10,000-30,000 บาทต่อเดือน
5. โรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดสมอง (ค่ารักษาโดยประมาณ : 1,500,000-2,000,000 บาท)
อีกหนึ่งโรคร้ายแรงที่พบบ่อยคือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วนและการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้
- • ค่ารักษาในระยะเฉียบพลัน : 200,000-500,000 บาท รวมค่าห้อง ICU และการรักษาพิเศษ
- • ค่ายาละลายลิ่มเลือด : 50,000-100,000 บาทต่อครั้ง
- • ค่าผ่าตัด แบ่งตามประเภท
- ค่าผ่าตัดสมองแบบเปิดกะโหลก : เริ่มต้นที่ 500,000 บาทต่อครั้ง
- ค่ารักษาโดยใช้ขดลวดผ่านสายสวน (สำหรับหลอดเลือดสมองโป่งพอง) : 1,000,000-1,500,000 บาทต่อครั้ง
- • ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ : 2,500-8,000 บาทต่อครั้ง ต้องทำต่อเนื่องหลายเดือน
6. โรคความดันโลหิตสูง (ค่ารักษาโดยประมาณ : 100,000-600,000 บาท)
แม้ว่าโรคความดันโลหิตสูงจะดูเหมือนมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมากในระยะแรก แต่เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องควบคุมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต จึงมีค่าใช้จ่ายในการรักษาดังนี้
- • ค่าตรวจวัดความดันและการตรวจร่างกาย : 500-2,000 บาทต่อครั้ง
- • ค่ายาควบคุมความดัน : 1,000-5,000 บาทต่อเดือน
- • ค่าตรวจติดตามผลประจำปี : 3,000-8,000 บาทต่อครั้ง
- • ค่ารักษาภาวะแทรกซ้อน : 100,000-500,000 บาท
หมายเหตุ : ค่ารักษาโรคร้ายแรงข้างต้นเป็นการประมาณการและอาจแตกต่างกันไปตามโรงพยาบาลและแผนการรักษา แนะนำให้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสถานพยาบาลที่เกี่ยวข้อง
วิธีเตรียมตัวรับมือกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
จะเห็นได้ว่า ค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรคร้ายแรงในปัจจุบันค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ และอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวได้ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีแนวทางดังนี้
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
เนื่องจากการดูแลสุขภาพถือเป็นด่านแรกของการป้องกันโรค จึงควรเริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ควบคู่กับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ อีกทั้งต้องพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น บุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรค และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
2. การเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี
นอกจากการดูแลตนเองแล้ว การตรวจสุขภาพประจำปียังช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะทำให้วางแผนการรักษาได้ทันท่วงทีและประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการรอให้อาการรุนแรง รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย
3. การออมเงินเพื่อสุขภาพ
แม้จะดูแลสุขภาพดีแค่ไหน การมีเงินออมก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น โดยควรเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน จากนั้นจึงแบ่งสัดส่วนรายได้เพื่อออมอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเลือกช่องทางการออมที่เหมาะสม เพราะเงินออมจะเป็นเกราะป้องกันทางการเงินเมื่อต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ไม่คาดคิด
4. การทำประกันสุขภาพโรคร้ายแรง
สุดท้ายแต่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าข้ออื่น ๆ นั่นก็คือ การทำประกันสุขภาพ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากการมีประกันติดตัวไว้จะช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล อีกทั้งยังช่วยลดภาระทางการเงินของครอบครัว นอกจากนี้ ยังเพิ่มทางเลือกในการรักษา ซึ่งทำให้เป็นการลงทุนทางสุขภาพที่คุ้มค่าสำหรับอนาคต
เตรียมพร้อมรับมือค่ารักษาด้วยการซื้อประกันโรคร้ายแรงกับ gettgo
จากค่ารักษาพยาบาลที่พุ่งสูงขึ้นทุกปี การซื้อประกันโรคร้ายแรงจึงเป็นตัวช่วยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง gettgo ที่มีแผนประกันสุขภาพ so you ซึ่งให้คุณปรับแต่งความคุ้มครองได้ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และโรคร้ายแรงต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสมัครง่ายใช้เวลาแค่ 5 นาที โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ อีกทั้งยังเริ่มต้นรับประกันตั้งแต่อายุ 20 ปี พร้อมให้ความคุ้มครองยาวไปจนถึง 99 ปี
อยากรู้ว่าเบี้ยประกันเท่าไร เช็กได้เลยที่เว็บไซต์ หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ LINE OA: @gettgo หรือโทร. 02-111-7800
ข้อมูลอ้างอิง
- แพ็กเกจผ่าตัดมะเร็ง. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 จาก https://www.bangkokhospital.com/page/oncological-surgery.
- ประมาณการค่าฉายรังสีในเวลาราชการสำหรับโรคมะเร็งที่พบบ่อย. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 จาก https://www.chulacancer.net/patient-groupview.php?gid=124