การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงนี้เริ่มกลับมาคึกคักกันอีกแล้ว แน่นอนว่าหลังจากที่สายเที่ยวต่างอัดอั้นไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันมาหลายปี หลายคนคงกำลังตื่นเต้นเตรียมแพ็กกระเป๋ากันอยู่ แต่ไม่ว่าจะไปเที่ยวใกล้หรือไกล นอกจากความสนุกในต่างแดนแล้ว เราก็ต้องคิดเผื่อกรณีฉุกเฉิน อย่างเช่น กรณีตกเครื่อง ไฟลท์ดีเลย์ หรือกรณี กระเป๋าเดินทางหาย ควรทำอย่างไรเอาไว้ด้วย
กระเป๋าเดินทางหาย ทำอย่างไรดี ?
แม้เราจะเดินทางไปถึงสนามบินปลายทางแล้ว ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้น ๆ มาแล้ว เตรียมจะออกไปท่องเที่ยวต่างแดนอย่างที่แพลนเอาไว้อย่างดีอยู่แล้วเชียว แต่ปัญหาไม่คาดคิดก็อาจจะเกิดขึ้นได้อีก นั่นคือการที่กระเป๋าเดินทางไม่มาพร้อมกับเที่ยวบินของเรา หรือไม่ก็ล่าช้า ต้องรอหลายชั่วโมง หากแย่หน่อยอาจเจอกรณี กระเป๋าเดินทางหาย เลยก็ได้ ใครโชคร้ายต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็คงจะเซ็งกันไม่ใช่น้อย และคงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี แต่อยากให้รู้ว่าทุกปัญหามีทางแก้นะ
กระเป๋าเดินทางดีเลย์ / ไม่มาพร้อมไฟลท์บิน
นอกจากเราอาจจะต้องเจอปัญหาไฟลท์บินดีเลย์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่อาจดีเลย์ หรือมาล่าช้าได้ ก็คือกระเป๋าเดินทางของเราที่ไม่มาพร้อมกับเครื่องบินที่เรานั่งมา กรณีนี้เราจะเจอในสถานการณ์ที่ยืนรอรับกระเป๋าตรงสายพานนานแล้ว กระเป๋าของเราก็ไม่ออกมาสักที จนคิดว่าหรือกระเป๋าเราสูญหายไปแล้วหรือเปล่า แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เพราะแท้จริงแล้วกระเป๋าอาจจะแค่ดีเลย์ก็ได้ หากพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ ขอให้กำแท็กกระเป๋า ลักษณะเป็นบาร์โค้ดที่ทางสายการบินมักจะแปะติดกับ Boarding Pass ของเราเอาไว้ให้แน่น เพราะสำคัญมาก หรือจะให้ดี ก่อนออกเดินทางให้ถ่ายรูปกระเป๋าเดินทางและแท็กกระเป๋าของเราเอาไว้ด้วย
- วิธีดำเนินการ
- ติดต่อที่เคาน์เตอร์ภาคพื้นดินของสายการบินนั้น ๆ หรือแผนก Lost & Found : แต่ละสายการบินมักมีเคาน์เตอร์สำหรับให้ข้อมูลกับผู้โดยสารอยู่บริเวณสายพาน หรือไม่ก็อาจเป็นเคาน์เตอร์สำหรับแจ้งกระเป๋าเดินทางหาย (Lost Luggage Claim) หากพบว่ากระเป๋าของเรายังไม่มาสักที ให้ถือแท็กกระเป๋าไปลองติดต่อที่นี่ดูได้เลย
- รอให้สายการบินส่งกระเป๋าที่ล่าช้าตามไปที่พักของเรา : เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามข้อมูลในแท็กแล้วพบว่า กระเป๋าของเราล่าช้า และกำลังตามมากับไฟลท์บินหลังจากนี้ ซึ่งอาจจะรอนานหลายชั่วโมง เจ้าหน้าที่จะให้เรากรอกที่พักของเรา สำหรับส่งกระเป๋าตามมาให้ทีหลัง แน่นอนว่านี่เป็นความผิดพลาดของสายการบิน เราจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการส่งใด ๆ
- เก็บเอกสารยืนยันกระเป๋าล่าช้าเอาไว้ : เพราะเอกสารนี้จะมีข้อมูลการแจ้งกระเป๋าเดินทางไม่มาพร้อมเที่ยวบินของเรา และเราจะสามารถติดตามความคืบหน้าของการส่งคืนกระเป๋าได้
- แจ้งเรื่องกับบริษัทประกันเดินทาง : หากใครต้องเจอกับเหตุการณ์กระเป๋าเดินทางล่าช้าเป็นระยะเวลานานมาก ๆ บริษัทประกันก็จะจ่ายค่าชดเชยให้เราด้วย โดยอาจกำหนดเงื่อนไขแตกต่างกันไป เช่น สามารถนำบิลการซื้อของจำเป็นระหว่างรอกระเป๋าได้ไม่เกิน 2,500 บาท ทุก ๆ การล่าช้า 8 ชั่วโมง เป็นต้น แต่ละบริษัทจะกำหนดเงื่อนไขแตกต่างกันไป หากใครทำประกันเดินทางเอาไว้ ก็อุ่นใจได้เลย
สายการบินทำกระเป๋าเดินทางหาย
แต่ถ้าหากรอก็แล้ว ติดต่อเคาน์เตอร์ก็แล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววของกระเป๋า จนอาจจะเข้าสู่สถานการณ์ที่กระเป๋าเดินทางเราคงจะหายจริง ๆ แล้วแหละ หากเป็นแบบนี้ ขอให้ทุกคนมีสติให้มากที่สุด และดำเนินการตามนี้
- วิธีดำเนินการ
- ติดต่อเคาน์เตอร์ Lost & Found : อันดับแรกเลยคือให้มองหาเคาน์เตอร์เพื่อแจ้งเรื่องกระเป๋าเดินทางหาย แน่นอนว่าเราต้องแสดงเลขแท็กของกระเป๋า ตั๋วเครื่องบิน และหนังสือเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่
- รับใบ Property Irregularity Report หรือ PIR : เมื่อแจ้งแล้วเราจะได้รับใบแจ้งทรัพย์สินหาย หรือใบ PIR นี้มาซึ่งจะมีหมายเลข Reference Number อยู่ หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบยืนยันครบ 21 วันแล้วว่ากระเป๋าหายจริง เราสามารถนำใบนี้ไปยื่นขอรับเงินชดเชยคืนจากสายการบินได้
- ค่าชดเชยความเสียหาย : สายการบินจะมีข้อจำกัดในการจ่ายเงินเคลม เพราะถือว่าของในกระเป๋าเป็นของใช้แล้ว และมักไม่ครอบคลุมถึงสิ่งของมีค่า จึงทำใจได้เลยว่าเราอาจได้รับเงินชดเชยค่ากระเป๋าเดินทางหายจากสายการบินในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าของจริง ๆ ที่สูญหายไป
- แจ้งบริษัทประกันเดินทาง : หากใครทำประกันเดินทางเอาไว้ อาจจะรู้สึกดีขึ้นหน่อยตรงที่บริษัทจะประเมินความเสียหายตามจริง และเราจะได้รับค่าเคลมประกันในส่วนนี้ตามกรมธรรม์ที่เราทำเอาไว้ โดยเราจะต้องมีหลักฐานจากสายการบิน หรือใบ PIR ว่ากระเป๋าหายจริง ๆ นำไปติดต่อกับบริษัทประกัน เพื่อเคลมค่าประกันตามกรมธรรม์ที่เราได้ทำเอาไว้
กระเป๋าเดินทางมาถึง แต่ชำรุดเสียหาย
แต่หากใครเจอเหตุการณ์ที่กระเป๋าไม่ได้ช้า ไม่ได้สูญหาย แต่เมื่อกระเป๋ามาตามสายพานแล้วปรากฏว่าล้อแตก หูขาด ตัวล็อกกระเป๋าหลุด ฯลฯ แบบนี้แล้วล่ะก็ เราสามารถเรียกร้องความเสียหายได้
- วิธีดำเนินการ
- ติดต่อบริเวณเคาน์เตอร์ของสายการบิน : เพื่อนำกระเป๋าเดินทางที่ชำรุดไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู โดยเราจะต้องเตรียมแท็กกระเป๋า ตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต และทางที่ดีควรมีรูปของกระเป๋าก่อนเดินทางด้วย การติดต่อนั้นควรติดต่อทันทีที่พบความเสียหาย หรือหากออกจากสนามบินไปแล้ว ควรติดต่อภายใน 7 วัน
- เจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหาย : หากเป็นความเสียหายที่เกิดระหว่างการลำเลียงของสายการบินจริง เจ้าหน้าที่ก็จะออกใบรับแจ้งความเสียหาย และประเมินราคาที่จะจ่ายให้สำหรับการซ่อมแซม หรืออาจส่งเข้าซ่อมในศูนย์ซ่อมแซมของสายการบิน ควรต้องทำใจอีกครั้งว่าเราอาจไม่ได้รับค่าซ่อม 100%
- เก็บหลักฐานไปแจ้งบริษัทประกันเดินทาง : หากทำประกันเดินทางไว้ เราสามารถเรียกค่าชดเชยการซ่อมแซมในส่วนที่สายการบินไม่ครอบคลุมจากบริษัทประกันเดินทางได้ โดยต้องใช้หลักฐานข้างต้นจากสายการบิน ตั๋วเดินทาง และควรมีรูปถ่ายกระเป๋าที่เสียหายแล้วสำหรับยื่นเป็นหลักฐานด้วย
เตรียมตัวอย่างไรเพื่อลดผลกระทบหากกระเป๋าเดินทางหาย
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงเห็นกันแล้วว่ากรณีกระเป๋าเดินทางหาย ล่าช้า หรือชำรุดนี้ทำให้เราอาจจะต้องทั้งเสียเวลา และเสียเงินโดยใช่เหตุ แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับใคร ตอนไหนก็ได้ เป็นสถานการณ์ที่คาดเดาได้ยาก ดังนั้น เราจึงควรเตรียมพร้อมในทุกการเดินทาง
- จัดกระเป๋าแบบเผื่อ : ปกติเวลาขึ้นเครื่อง เราจะมีกระเป๋าเดินทางสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่อง และกระเป๋าถือสำหรับขึ้นเครื่อง หากกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์กระเป๋าเดินทางหาย หรือล่าช้า แนะนำให้แบ่งชุดหรืออุปกรณ์ส่วนตัวบางส่วนที่สามารถพกขึ้นเครื่องได้มาใส่ไว้ในกระเป๋าถือด้วย เผื่อว่าหากกระเป๋าล่าช้าหรือสูญหาย จะได้พอมีของใช้จำเป็นใช้ไปก่อนได้ หรือหากใครมีเพื่อนเดินทางไปด้วย ก็อาจจะแบ่งเอาของใช้แต่ละคนมาฝากไว้ที่อีกคนก่อน เผื่อใบใดใบหนึ่งหาย จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อใหม่ให้วุ่นวาย
- ถ่ายภาพ : เมื่อจัดกระเป๋าเสร็จแล้ว สิ่งที่ควรทำคือถ่ายภาพกระเป๋าเดินทางเก็บไว้ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานว่าตอนขาไปกระเป๋าเราก็ยังปกติดีอยู่นะ หากกระเป๋าหายหรือเสียหายขึ้นมา เราจะได้นำไปยื่นขอเคลมกับสายการบินได้
- ทำประกันของมีค่า : บางคนอาจจำเป็นจะต้องพกของมีค่าไปเที่ยวด้วย อย่างเช่นกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู หรืออัญมณีราคาแพง แนะนำให้ทำประกันสำหรับของชิ้นนั้น ๆ ไว้ด้วย เผื่อเสียหายขึ้นมาจะได้ไม่เจ็บหนัก หาประกันเดินทางต่างประเทศ
- จดที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของโรงแรมในแต่ละวันเอาไว้ให้ดี : อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า ที่อยู่โรงแรมจะจำเป็นในกรณีที่กระเป๋าเดินทางล่าช้า ควรจดที่อยู่สำหรับติดต่อโรงแรมเอาไว้ใช้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ส่งกระเป๋าตามไปที่ไหน
- ถ่ายรูปแท็กกระเป๋า : หลายคนพอได้บอร์ดดิ้งพาสมาแล้ว ก็เผลอลืมแท็กกระเป๋าที่เจ้าหน้าที่แนบมาไว้ด้วยกัน เพราะหากไม่ได้มีเรื่องอะไร เราคงไม่ค่อยได้ใช้แท็กกระเป๋าเท่าไหร่ แต่หากกระเป๋าหายขึ้นมานี่สิ เจ้าแท็กนี้จะจำเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นเก็บไว้ให้ดี ทางที่ดีควรถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย
- ทำประกันเดินทาง : เก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว เตรียมพร้อมทุกอย่างครบแล้ว อย่าลืมทำประกันเดินทาง เพราะอย่างที่ได้อธิบายไปว่า เมื่อเกิดกรณีกระเป๋าหาย ล่าช้า หรือชำรุดจากสายการบิน ประกันเดินทางนับว่ามีประโยชน์ ช่วยให้เราอุ่นใจได้เยอะมาก
- ประกันเดินทางจะช่วยได้อย่างไร
- ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างรอกระเป๋าที่ล่าช้า : แต่ละสายการบินอาจกำหนดเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป เช่น ต้องล่าช้า 6 ชั่วโมงขึ้นไปเบิกเคลมค่าของใช้จำเป็นที่เราซื้อใหม่ได้ 20% หรือล่าช้าเกิน 8 ชั่วโมง เบิกเคลมได้ไม่เกิน 2,500 บาท เป็นต้น
- ช่วยชดเชยกรณีกระเป๋าเดินทางหาย : เราเลือกความคุ้มครองในกรมธรรม์ไว้ที่เท่าไหร่ บริษัทประกันก็จะประเมินและจ่ายเงินให้ตามวงเงินประกันที่กำหนดไว้ ขณะที่หากไม่มีประกัน และรับค่าชดเชยเฉพาะจากสายการบิน แน่นอนว่าเงื่อนไขเยอะ และเงินที่ได้ก็อาจจะน้อยกว่าทรัพย์สินของเรา
- ได้ค่าซ่อมกระเป๋า : ประกันเดินทางจะจ่ายค่าเคลมสำหรับซ่อมกระเป๋าให้ตามที่ได้ทำกรมธรรม์ไว้ ซึ่งบางทีอาจจะมากกว่าที่ได้จากสายการบินเสียด้วยซ้ำ
จะเห็นได้ว่า การทำประกันเดินทางติดตัวเอาไว้ตอนไปเที่ยว ช่วยแบ่งเบาภาระในกรณีฉุกเฉินอย่างกระเป๋าหายได้เยอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมเตรียมหลักฐานเอาไว้ให้ครบ ทั้งจากสายการบิน และรูปถ่ายกระเป๋าของเราเองนะ
แนะนำอ่านต่อ : ไขข้อสงสัย คำถามคาใจที่พบบ่อยกับประกันเดินทาง